นายกรัฐมนตรี ชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น ประกาศในวันนี้ (7 กันยายน) ว่า เขาตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง หลังจากที่เผชิญแรงกดดันอย่างหนักตลอดช่วงระยะเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในระหว่างการแถลงข่าว อิชิบะกล่าวว่า “ผมตัดสินใจอย่างยากลำบากที่จะก้าวลงจากตำแหน่ง” และกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ตนมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้สมาชิกพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) เอาชนะ “ความแตกแยกที่ยากลำบาก” ภายในพรรคให้ได้
อิชิบะระบุว่า ตนเองได้พิจารณาเรื่องตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว แต่เป็นเรื่องของการหาช่วงเวลาที่เหมาะสม พร้อมทั้งกล่าวเสริมว่า เขาตัดสินใจประกาศลาออกในตอนนี้ เพราะเห็นว่าข้อตกลงเรื่องภาษีกับสหรัฐอเมริกามีการดำเนินการจนเกิดผลเป็นรูปธรรมแล้ว
ที่ผ่านมานั้น ญี่ปุนพยายามต่อสู้อย่างหนักเพื่อบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ และปกป้องอุตสาหกรรมยานยนต์ขนาดใหญ่ของตนจากภาษีที่สูงลิ่ว โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (4 กันยายน) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อบังคับใช้ข้อตกลงทางการค้ากับญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงการเก็บภาษีพื้นฐาน 15% จากสินค้าส่วนใหญ่ของญี่ปุ่น ซึ่งครอบคลุมไปถึงกลุ่มยานยนต์ด้วย
ทั้งนี้ เขาได้เรียกร้องให้พรรค LDP จัดการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคฉุกเฉิน โดยยืนยันว่าตนเองจะไม่ลงสมัครด้วย และจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งคนใหม่ได้
ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 4 ของโลก เผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมืองนับตั้งแต่พรรค LDP สูญเสียเสียงข้างมากในรัฐสภาจากการเลือกตั้งที่จัดขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009 ที่พรรค LDP สูญเสียเสียงข้างมากในสภา และแรงกดดันยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อพรรคร่วมรัฐบาลทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ในการเลือกตั้งสภาสูงเมื่อเดือนกรกฎาคม
การลาออกของอิชิบะส่งผลให้ญี่ปุ่นต้องเผชิญกับความปั่นป่วนทางการเมือง โดยสถานการณ์ครั้งนี้มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น เนื่องจากพรรค LDP ไม่ได้ครองเสียงข้างมากในทั้งสองสภา ทำให้ผลการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่อาจไม่สามารถการันตีได้ว่าผู้ชนะจะได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของญี่ปุ่น
ขณะเดียวกัน ความวุ่นวายทางการเมืองอาจยิ่งซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งได้รับผลกระทบอยู่แล้วจากนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และปัญหาค่าเงินเยนที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง
ภาพ: Toru Hanai/Pool via REUTERS
อ้างอิง:
