หากไม่นับกรุงเทพและปริมณฑลแล้ว เชียงใหม่ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่จังหวัดของไทยที่มี Swensen’s นับ 10 สาขา แต่ที่น่าสนใจคือ ทำไม Swensen’s ถึงเลือกเปิด Regional Flagship Store แห่งที่ 7 ซึ่งเป็นสาขาล่าสุดที่เชียงใหม่อีก ทั้งที่ดูเหมือนว่าตลาดที่นี่น่าจะเพียงพอแล้ว?
คำตอบอาจอยู่ที่ศักยภาพของจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะในแง่ของการเป็นเมืองท่องเที่ยว ซึ่งข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวสะสมที่เดินทางเข้ามายังจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 11,485,568 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 4.42
ขณะที่บทความในธนาคารแห่งประเทศไทยยังได้ระบุถึง 64% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาภาคเหนือนิยมมาเที่ยวที่เชียงใหม่ โดยเม็ดเงินที่ได้รับจากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 73% เชียงใหม่เช่นกัน
นี่จึงอาจเป็นสิ่งที่ Swensen’s มองเห็นเพราะรูปแบบของ Regional Flagship Store นั้นถูกวางให้เป็น Destination ที่นักท่องเที่ยวสามารถมาแวะเยือนเพื่อเช็กอินถ่ายรูปและกินไอศกรีมได้ ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ รวมถึงคนท้องถิ่นด้วย
นอกจากต้องมีศักยภาพในแง่ของกำลังซื้อแล้ว การจะไปเปิด Swensen’s Regional Flagship Store จะเลือกในจังหวัดที่มีเอกลักษณ์ท้องถิ่นที่แข็งแรงมากพอที่จะทำให้นักท่องเที่ยวมาแล้วรู้สึกถึงวัฒนธรรมในจังหวัดนั้นๆ รวมถึงคนท้องถิ่นก็ไม่คัดค้านด้วย ซึ่งถือเป็นความท้าทายทำให้กว่าจะเปิดได้นั้นต้องใช้ระยะเวลานาน 1 ปี ขณะที่สาขาทั่วๆ ไปราว 1-2 เดือนก็เปิดได้แล้ว
ในด้านทำเลก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ได้ ดังนั้นสาขาเกือบทั้งหมดของ Regional Flagship Store จะอยู่ในคอมมิวนิตี้มอลล์ที่มั่นใจได้ว่า จะมีทราฟฟิกมากพอในการหล่อเลี้ยงยอดขายให้สามารถยืนในระยะยาวได้ยกเว้นสาขาแรกที่ภูเก็ตซึ่งมี Foot traffic เพียงพอเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกทั้งยังเป็นการรีโนเวตสาขาเดิมมาเปิดเป็น Regional Flagship Store ด้วย
ซึ่งการเปิดในครั้งนี้ถือว่ามีครบทั้งการตั้งอยู่ในห้าง META MALL เชียงใหม่ ตลอดจนมาหยิบเอกลักษณ์ท้องถิ่นอย่าง ‘ร่มบ่อสร้าง’ มาเป็นโครงสร้างหลักของร้าน รวมถึงการตกแต่งภายในด้วย
นอกจากนี้ยังมีเมนูเอ็กซ์คลูซีฟที่หาได้เฉพาะที่นี่เท่านั้นกับ ‘ขันโตก ซันเด เซต’ ยังมีการจัดทำ บัตรสมาชิกลายพิเศษ ที่ร่วมออกแบบกับศิลปินชาวไทย Jeep Kongdechakul ซึ่งมีจำหน่ายเฉพาะสาขา META MALL เท่านั้น และมีจำนวนจำกัด
“การดึงลูกค้าเป็นความท้าทายของการเปิดสาขาใหม่ทุกแห่ง ขณะเดียวกันก็ถือเป็นการสร้างลูกค้ากลุ่มใหม่ ทำให้แบรนด์ติดหูของลูกค้าใหม่ๆ ไปด้วย ซึ่งจะสร้างโอกาสที่จะไปกินในสาขาอื่นๆ ในไทยด้วย ตลอดจนการทำให้เป็นที่พูดถึง ถือเป็นสิ่งที่สร้างประโยชน์ให้กับแบรนด์” ณพล ศิริมงคลเกษม หัวหน้าฝ่ายบริหารแบรนด์ บริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด ในเครือ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ณพลยังฉายภาพของการทำแบรนด์ไอศกรีมที่อยู่ในไทยมานานกว่า 39 ปีว่า ต้องทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ไม่ลืมลูกค้ากลุ่มไหน ขณะเดียวกัน Swensen’s จะทำให้แบรนด์ไม่ได้ล้ำสมัยจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้ล้าสมัย สิ่งที่ Swensen’s จะทำคือการเป็นแบรนด์ร่วมสมัย
“การทำตลาดของหวานจะยากกว่าของคาว ตรงที่ต้องอิงกับอีโมชันนัล ในขณะที่ลูกค้ากำลังใจร้อนๆ ขึ้นเรื่อยๆ และมีเทรนด์ใหม่ๆ อยู่เสมอ Swensen’s จึงต้องมีเมนูใหม่ๆ ออกมาดึงลูกค้าซึ่งแต่ละปีมีไม่น้อยกว่า 200 เมนู หรือแทบจะออกทุกๆ 2 สัปดาห์”
อ้างอิง: