จากจุดเริ่มต้นสู่ปัจจุบัน ของคู่ปรับ ซินเนอร์-อัลการาซ ใน ยูเอส โอเพน 2025

ยูเอส โอเพน 2025 ในประเภทชายเดี่ยว จะเปิดฉากขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ และแน่นอนว่า เกือบทุกสายตาจับจ้องไปที่ 2 นักเทนนิสชายคู่ปรับแห่งยุคอย่าง ยานนิก ซินเนอร์ นักหวดมือ 1 ของโลก จากอิตาลี กับ คาร์ลอส อัลการาซ มือ 2 ของโลก จากสเปน ที่อาจจะได้มาฟาดฟันอีกครั้งในรอบชิงชนะเลิศ

มีหลายเหตุการณ์ที่ถูกนับให้เป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัยแห่งคู่ปรับระหว่าง การ์ลอส อัลการาซ กับ ยานนิก ซินเนอร์ โดยบางคนเชื่อว่า จุดเริ่มต้นคือการเจอกันครั้งแรกของทั้งคู่ ในปารีส มาสเตอร์ ปี 2021 รอบ 32 คนสุดท้าย ขณะที่ บางคนเชื่อว่า เป็นการเจอกันในศึก วิมเบิลดัน 2022 รอบ 16 คนสุดท้าย ซึ่งเป็นการเจอกันครั้งแรกของทั้งคู่ในรายการระดับแกรนด์สแลม

แต่อีกหนึ่งการเจอกันของทั้งคู่ ที่หลายคนลืมไม่ลง และยังถูกยกย่องให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัยของ อัลการาซ และ ซินเนอร์ ที่แท้จริง คือในเทนนิส ยูเอส โอเพน 2022

แมตช์ดังกล่าว เล่นกันในวันที่ 7 กันยายน 2022 เป็นเกมรอบก่อนรองชนะเลิศประเภทชายเดี่ยวระหว่างอัลการาซ และซินเนอร์ โดยเกมนั้นเป็นครั้งที่ 4 ที่ทั้งคู่ต้องโคจรมาพบกันในเวทีเทนนิสอาชีพ

การแข่งขันดำเนินไปอย่างดุเดือดนานถึง 5 ชั่วโมง 15 นาที ก่อนที่มันจะจบลงในเวลา ตี 2.50 น. ตามเวลาท้องถิ่น และเป็น อัลการาซ ในวัย 19 ปี ที่เอาชนะ ซินเนอร์ ในวัย 21 ปี ไปได้ 3-2 เซต สกอร์ 6-3, 6-7 ไทเบรก 7-9, 6-7 ไทเบรก 0-7, 7-5 และ 6-3

แม้จะมีอายุน้อย ทั้งคู่ก็แสดงให้เห็นถึงทักษะการเล่นเทนนิสระดับสูงสุด การตีโต้ที่น่าตื่นเต้น และการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมในสถานการณ์ที่ซับซ้อน

ท้ายที่สุดในรายการนั้น อัลการาซ ประเดิมคว้าแชมป์แกรนด์สแลมแรกได้สำเร็จ และหลังจากนั้น เขากับซินเนอร์ ต้องมีชื่อคว้าแชมป์ แกรนด์สแลม อย่างน้อย 1 รายการต่อปีมาจนถึงปัจจุบัน

จึงไม่แปลกที่หลายคนจะยกย่องให้การเจอกันของทั้งคู่ ที่ บิลลี จีน คิง เทนนิส เซนเตอร์ ในวันนั้น กลายเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสัมยแห่ง ซินเนอร์ กับ อัลการาซ ในปัจจุบัน

แม้จะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งยุคสมัย แต่ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ยูเอส โอเพน 2022 นั้น เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ทั้งคู่ได้เจอกันใน ยูเอสทีเอ บิลลี จีน คิง เทนนิส เซนเตอร์ โดยหลังจากนั้นพวกเขาไม่เคยเจอกันใน ยูเอส โอเพน อีกเลย

แต่แฟนๆ ก็คาดหวังว่า แชมป์ ยูเอส โอเพน คนละ 1 สมัย ทั้ง 2 รายนี้ จะได้เจอกันอีกในปีนี้ หลังจากที่ทั้งคู่ ช่วยกันผูกขาดตำแหน่งแชมป์แกรนด์สแลมกันเพียงแค่ 2 คนนับตั้งแต่ ออสเตรเลียน โอเพน 2024 เป็นต้นมา

ทั้งคู่แสดงให้เห็นถึงความสม่ำเสมอในการเล่นในทุกคอร์ตที่มีการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นคอร์ตหญ้า, คอร์ตดิน หรือ ฮาร์ดคอร์ต โดย ซินเนอร์คว้าแชมป์ฮาร์ดคอร์ตเมเจอร์ 3 รายการล่าสุด ขณะที่อัลการาซสามารถป้องกันแชมป์เฟรนช์โอเพนได้ โดยเอาชนะซินเนอร์ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่กินเวลานานที่สุดในประวัติศาสตร์ของรายการโรลองด์ การ์โรส ถึง 5 ชั่วโมง 29 นาที

หนึ่งเดือนต่อมา ซินเนอร์ก็สามารถเอาชนะอัลการาซในการแข่งขันวิมเบิลดันรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์เมเจอร์บนคอร์ตธรรมชาติ (ดิน หรือ หญ้า) ครั้งแรกของเขา และเป็นการยุติสถิติการแพ้ 5 ครั้งติดต่อกันให้กับอัลการาซลงได้

หากมีผู้เล่นคนใดคนหนึ่งคว้าแชมป์ยูเอส โอเพนที่กำลังจะมาถึงได้ จะเป็นการตอกย้ำถึงการครองแชมป์เมเจอร์ของพวกเขาอย่างแน่นหนา และจะทำให้ไม่มีผู้เล่นคนอื่นนอกจากพวกเขา 2 คน ที่คว้าแชมป์ในระดับแกรนด๋สแลมได้เป็นปีที่สองติดต่อกัน

ที่น่าสนใจคือทั้งคู่ ต่างเคยคว้าแชมป์ ยูเอส โอเพน มาแล้วคนละครั้ง ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น แม้ว่า อัลการาซ จะมีสถิติการเจอกันเหนือกว่าเล็กน้อย เมื่อได้เล่นในฮาร์ดคอร์ต แต่อย่าลืมว่า ซินเนอร์ คือแชมป์เก่ารายการนี้

โดยสถิติที่ถูกบันทึกอย่างเป็นทางการผ่าน Lexus ATP Head2Head ของทั้งสองคน ปรากฏว่า อัลการาซ มีสถิติเหนือกว่า ซินเนอร์อยู่ที่ ชนะ 9 แพ้ 5

เรื่องแปลกประหลาดอย่างหนึ่งที่นักวิเคราะห์มองเห็นตรงกัน คือทั้ง ซินเนอร์ และ อัลการาซ มีความเป็นขั้วตรงข้ามกันที่สูงและชัดเจนมาก

ด้านนิสัย อัลการาซ เป็นนักเทนนิสพลังงานสูง เขาเล่นกับคนดูเป็น และมีพลังงานที่แผ่พุ่งออกมาจากตัวตลอดเวลา ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่า “ร้อนแรง”

ขณะที่ ซินเนอร์ เป็นนักเทนนิสที่ดู “เยือกเย็น” ชอบความเป็นส่วนตัว และมุ่งมั่นในความสม่ำเสมอ หลายๆ ครั้งในคอร์ต เขาเรียกฟอร์มที่ดีได้จากการก้มหน้าก้มตาเล่นอย่างสงบ

ขณะที่สไตล์การเล่นของทั้งคู่ กลับดูขัดกับความรู้สึกของแฟนๆ โดยทาง มัตส์ วิลแลนเดอร์ อดีตแชมป์แกรนด์สแลม 7 สมัย ชาวสวีดิช ที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นนักวิเคราะห์ มองว่า อัลการาซ มีความเป็นโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ในตัว มากกว่า ความเป็นราฟาเอล นาดาล รุ่นพี่และไอดอลของเขา

อัลการาซ คล้ายคลึงกับโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการตีลูก ความเฉียบคม และแนวทางการเล่นที่ดุดัน นั่นทำให้เขาเล่นได้ดีใน วิมเบิลดัน และคว้าแชมป์แกรนด์สแลมคอร์ตหญ้าไปแล้วถึง 2 สมัย

ด้านซินเนอร์ ที่ปกติแล้วจะทำตัวเยือกเย็นเช่นเดียวกับ เฟเดอเรอร์ กลับมีสไตล์การเล่นที่คล้ายกับ ราฟา นาดาล มากกว่า ทั้ง เกมการเล่นที่ดุดันและความสามารถในการรับมือกับแรงกดดันที่ยอดเยี่ยม

ความแตกต่างเหล่านี้ทำให้การแข่งขันของพวกเขายิ่งน่าสนใจ เพราะแต่ละคนดูเหมือนเป็นของแสลงให้กับสไตล์การเล่นของอีกฝ่าย

อย่างไรก็ตาม ในยูเอส โอเพน ครั้งนี้ มีดอกจันตัวโตๆ สำหรับยานนิก ซินเนอร์ หลังจากที่มือ 1 ของโลกจากอิตาลี ต้องถอนตัวจากการแข่งขันเทนนิส ซินซินเนติ โอเพน รอบชิงชนะเลิศประเภทชายเดี่ยว กับคาร์ลอส อัลการาซ เนื่องจากมีอาการป่วย

เขาถอนตัวหลังจากเล่นไปเพียง 5 เกม โดยตามหลัง 5-0 ในเซ็ตแรก ในตอนนั้นซินเนอร์กล่าวว่าเขารู้สึกไม่ค่อยดีตั้งแต่วันก่อนหน้าและอาการแย่ลง

ผลการแข่งขันครั้งนี้ทำให้สถิติการชนะ 26 ครั้งติดต่อกันบน ฮาร์ดคอร์ตของซินเนอร์สิ้นสุดลง และอัลการาซคว้าแชมป์ ATP 1000 เป็นรายการที่ 8 ในอาชีพทันที

แม้ ซินเนอร์ จะเป็นแชมป์เก่าในประเภทชายเดี่ยวของยูเอส โอเพ่น แต่การถอนตัวเนื่องจากอาการป่วย แทนที่จะเป็นอาการบาดเจ็บ ทำให้คาดว่าเขาน่าจะพร้อมสำหรับการแข่งขันยูเอส โอเพน ซึ่งเริ่มขึ้นในวันอาทิตย์นี้ และคาดกันว่าซินเนอร์จะฟื้นตัวได้เต็มที่ภายใน 10 วันหลังจากการแข่งขันรอบแรก

แม้จะมีอุปสรรคเล็กน้อย ซินเนอร์ยังคงเป็นตัวเต็งร่วมกับอัลการาซในการคว้าแชมป์แกรนด์สแลมสุดท้ายของปี และยากที่จะบอกว่าแชมป์จะตกเป็นของใคร

นั่นยังรวมไปถึง ผู้เล่นที่น่าจับตามองคนอื่นๆ อย่าง โนวัค ยอโควิช แชมป์ยูเอส โอเพ่น 4 สมัย, อเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ มือ 3 ของโลก จากเยอรมนี และ เทย์เลอร์ ฟริตซ์ นักหวดมือ 4 ของโลกก็เช่นกัน

โดย การแข่งขันเทนนิส ยูเอส โอเพ่นจะจัดขึ้นที่ ยูเอสทีเอ บิลลี จีน คิง เทนนิส เซนเตอร์ ในย่าน ฟลัชชิง เมโดวส์ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม ถึง 7 กันยายนนี้

อ้างอิง: