วันนี้ (20 สิงหาคม) เอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ปัญหามลพิษทางน้ำเป็นหนึ่งในวิกฤติที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของคนกรุง กทม. จึงได้นำหลักสากล ‘ผู้ใดก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย’ (Polluter Pays Principle) มาใช้ในการจัดเก็บค่าธรรมเนียม โดยปัจจุบัน กทม. มีโรงควบคุมคุณภาพน้ำที่เปิดใช้งานแล้ว 9 แห่ง สามารถบำบัดน้ำเสียได้กว่า 1.12 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
การจัดเก็บค่าธรรมเนียมในระยะแรกจะมุ่งเน้นไปที่แหล่งกำเนิดน้ำเสียประเภท 3 ซึ่งเป็นภาคบังคับตามกฎหมาย ได้แก่ โรงแรม โรงงาน สถานประกอบการขนาดใหญ่ที่ใช้น้ำเกิน 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อเดือน และสถานที่อื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน โดยจะคิดค่าธรรมเนียมในอัตรา 8 บาทต่อลูกบาศก์เมตร
ครอบคลุมพื้นที่บริการ 8 แห่งใน 22 เขต ได้แก่ เขตพระนคร, ป้อมปราบศัตรูพ่าย, สัมพันธวงศ์, บางรัก, สาทร, บางคอแหลม, ยานนาวา, ดินแดง, ราชเทวี, พญาไท, ปทุมวัน, บางซื่อ, จตุจักร, ห้วยขวาง, หนองแขม, บางแค, ภาษีเจริญ, ดุสิต, ทุ่งครุ, จอมทอง, ราษฎร์บูรณะ และหลักสี่
ส่วนแหล่งกำเนิดน้ำเสียประเภท 1 และ 2 เช่น บ้านเรือน, คอนโด, อาคารสำนักงาน, โรงพยาบาล หรือโรงเรียน ที่ขอรับบริการบำบัดน้ำเสีย จะคิดค่าธรรมเนียมในอัตรา 2 บาท และ 4 บาทต่อลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ซึ่งถือเป็นภาคสมัครใจ
โฆษก กทม. ย้ำว่าการชำระค่าธรรมเนียมนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบบำบัดน้ำเสียของแต่ละสถานประกอบการ แต่ยังเป็นการร่วมมือกันเพื่อพลิกฟื้นทรัพยากรน้ำและสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนให้แก่เมืองหลวง
ประชาชนและสถานประกอบการสามารถยื่นคำขอรับบริการและชำระค่าธรรมเนียมได้ผ่านช่องทางออนไลน์ หรือติดต่อสำนักงานจัดการคุณภาพน้ำ สำนักการระบายน้ำ โทร. 0 2203 2657 เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม