ข้อควรรู้ก่อนจะปรับลุคบ้านให้เป็น Mid-Century Modern

บ้านสไตล์ Mid-Century Modern ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือปรัชญาการใช้ชีวิตที่เน้นความเรียบง่าย ประโยชน์ใช้สอย และการเชื่อมต่อกับธรรมชาติ การปรับปรุงบ้านสไตล์นี้ให้ออกมาปังไม่ใช่แค่การซื้อเฟอร์นิเจอร์ย้อนยุคมาวาง แต่คือการเข้าใจแก่นแท้และเคารพประวัติศาสตร์ความเป็นมาของตัวบ้าน แถมเรายังต้องมาหาจุดเด่นของตัวบ้าน เพื่อให้บ้านยังคงมีชีวิตชีวาและใช้งานได้จริงสำหรับยุคปัจจุบัน วันนี้เราเลยอยากจะมาแชร์เคล็ดลับ และข้อควรรู้สำหรับคนอยากปรับลุคบ้านให้ออกมาเป็น Mid-Century Modern

เข้าใจ “เจตนา” ดั้งเดิมของบ้านก่อนลงมือ

ก่อนจะลงมือปรับปรุง ลองใช้เวลาทำความเข้าใจว่าบ้านของคุณถูกสร้างมาเพื่ออะไร สถาปนิกในยุคนั้นเน้นผังพื้นแบบเปิดโล่ง (open floor plans) และการนำแสงธรรมชาติเข้ามาใช้ให้มากที่สุด การทาสีทับผนังอิฐหรือหิน, การเปลี่ยนหน้าต่างบานใหญ่เป็นบานเล็ก, หรือการสร้างผนังปิดกั้นพื้นที่ จะทำให้บ้านสูญเสียเอกลักษณ์ที่แท้จริงไป

เลือกเฟอร์นิเจอร์ให้ถูกชิ้น แค่ชิ้นเดียวก็เปลี่ยนบ้านได้

เฟอร์นิเจอร์ในยุค Mid-Century Modern ถูกออกแบบมาเพื่อความสวยงามและประโยชน์ใช้สอยไปพร้อมกัน เฟอร์นิเจอร์ที่มีขาเรียวเล็ก (tapered legs) หรือมีรูปทรงเรขาคณิตและเส้นโค้งมนจะช่วยสร้างสมดุลให้กับพื้นที่ ลองเลือกชิ้นงานที่เป็นที่รู้จัก เช่น Eames Lounge Chair หรือ โต๊ะกาแฟ Noguchi Coffee Table ซึ่งจะกลายเป็นจุดเด่นที่ช่วยกำหนดบรรยากาศของห้อง

ใช้วัสดุจริง เพราะวัสดุช่วยเล่าเรื่องราวได้

วัสดุคืออีกหนึ่งหัวใจสำคัญของสไตล์นี้ เน้นการใช้วัสดุธรรมชาติและวัสดุที่มีความซื่อตรง (honest materials) เช่น ไม้ (วอลนัท, ไม้สัก), หนัง, หิน, อิฐ, และ โลหะ (ทองเหลือง, โครเมียม) การคงไว้ซึ่งผนังไม้มะฮอกกานีหรือพื้นหินขัด (terrazzo) เดิมของบ้านจะช่วยรักษามรดกทางสถาปัตยกรรมไว้ได้ และหลีกเลี่ยงการใช้วัสดุที่ดูทันสมัยเกินไปอย่างหินแกรนิตขัดมันวาว

เว้นที่ว่างบ้างก็ดี เพราะความโล่งคือความงาม

สไตล์ Mid-Century Modern ให้ความสำคัญกับพื้นที่ว่าง (negative space) พอๆ กับพื้นที่ใช้งาน การตกแต่งแบบนี้ไม่ได้ต้องการของเยอะแยะ แต่เน้นการจัดวางเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นให้มีพื้นที่หายใจและดูโดดเด่น การจัดระเบียบให้ห้องดูโล่งและเป็นระเบียบจะช่วยให้บ้านดูมีมิติและผ่อนคลาย

ใช้แสงช่วยสร้างบรรยากาศให้บ้าน

แสงคืออีกองค์ประกอบสำคัญของสไตล์นี้ นอกจากแสงธรรมชาติที่ควรเปิดรับให้เต็มที่แล้ว การจัดแสงภายในยังช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและทันสมัยได้ ลองเลือกใช้โคมไฟแบบแขวนทรงกลม (globe light) หรือโคมไฟที่มีโครงสร้างเรียบง่าย ซึ่งจะช่วยเสริมเส้นสายที่สะอาดตาของตัวบ้านได้อย่างดีเยี่ยม

เพิ่มสีสันและลวดลายแบบพอดีๆ ให้บ้านมีชีวิตชีวา

แม้โทนสีหลักของสไตล์นี้จะเน้นความเรียบง่าย แต่ก็สามารถเพิ่มลูกเล่นด้วยสีที่สดใสได้ การใช้สีสันจัดจ้าน เช่น เหลืองมัสตาร์ด, เขียวเข้ม, หรือสีฟ้าครามเป็นสีเน้น (accent colors) บนของตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ เช่น หมอนอิง, แจกัน, หรือภาพศิลปะ จะทำให้บ้านมีชีวิตชีวามากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้ลวดลายเรขาคณิตบนพรมหรือกระเบื้องเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับพื้นผิวได้อีกด้วย