หนึ่งในประเด็นที่ถูกจับตาในขณะนี้ คงหนีไม่พ้น การที่รัฐบาลอิหร่าน ผ่านมติปิดช่องแคบเดินเรือขนาดใหญ่อย่าง ฮอร์มุซ ไปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (22 มิถุนายน) เนื่องจากช่องแคบดังกล่าว เป็นเส้นทางผ่านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติกว่า 20% ของโลก โดยเฉลี่ย 18-20 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังจากที่ทางสหรัฐฯ ทิ้งขีปนาวุธเข้าใส่อิหร่านในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ทางอิหร่านก็ยังไม่ได้ดำเนินการปิดช่องแคบฮอร์มุซโดยทันที หากแต่ดูจะเป็นไปในทิศทางการแสดงเชิงสัญลักษณ์ทางการเมืองมากกว่า เพราะว่าหากดำเนินการปิดโดยทันทีก็จะย่อมกระทบกับการค้าของอิหร่านเอง ตามข้อมูลของ US Energy Information Administration ที่เผยว่า ประเทศอิหร่านมีการขนส่งน้ำมันเพื่อการค้าขายผ่านช่องแคบฮอร์มุซ กว่า 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันเลยทีเดียว มากเป็นอันดับ 6 ของโลก
ไม่เพียงเท่านั้น ยังอาจสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มประเทศพันธมิตรของอิหร่านเอง อย่าง จีน และอินเดีย ที่เป็นหนึ่งในผู้บริโภครายใหญ่จากน้ำมันในแถบอ่าวเหล่านี้
และล่าสุด ถึงแม้ว่าสถานการณ์โดยภาพรวมดูเหมือนจะคลี่คลายได้ หลังจากมีกระแสข่าวว่าอิหร่านและอิสราเอลสามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าสงครามที่ดำเนินมา 12 วันติดต่อกันน่าจะยุติได้ เหตุการณ์ความไม่แน่นอนเหล่านี้ก็ยังอาจส่งผลต่อตลาดพลังงานโลกในระยะสั้นและทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นได้เช่นกันจาก
ในบทความนี้ทางทีมงาน THE STANDARD WEALTH จึงอยากจะพาไปสำรวจ ‘10 ประเทศที่มีกำลังการผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก’
