วันนี้ (25 มิถุนายน) ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคภูมิใจไทยออกมาระบุว่า จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีทันทีที่เปิดการประชุมสภาว่า เมื่อสภาเปิดแล้วก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ซึ่งก็อยู่ในข้อบังคับ อยู่ในระเบียบ และอยู่ในรัฐธรรมนูญที่จะทำการตรวจสอบรัฐบาล แต่ทั้งนี้รัฐบาลเพิ่งจะเริ่มปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งถือว่าเป็นการปรับที่ใหญ่พอสมควร ดังนั้นส่วนตัวมองว่าควรจะปล่อยให้รัฐบาลทำงานไปก่อน เพราะหากยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยที่รัฐบาลยังไม่ได้ทำงานเลย ทำให้มองได้แค่ประเด็นเดียวว่าเป็นประเด็นด้านการเมือง
ส่วนพรรคภูมิใจไทยที่เคยเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่ขณะนี้กลับจะมาอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบนั้น ประเสริฐกล่าวว่า พอไปอยู่ฝ่ายค้านคิดว่าท่าทีก็คงจะเปลี่ยนไป เพราะฝ่ายค้านก็ต้องมีหน้าที่ในการตรวจสอบรัฐบาล แต่การตรวจสอบขอให้ใช้เหตุใช้ผล อย่าใช้อารมณ์ หรือใช้การเมืองเข้ามา เพราะตอนนี้ประเทศต้องเดินต่อ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยไม่เคยเป็นฝ่ายค้าน เข้าใจว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกในการทำหน้าที่ แต่ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีความกังวล การทำงานของรัฐมนตรีแต่ละท่านในพรรคเพื่อไทยก็ยึดหลักกฎหมาย ยึดหลักความถูกต้อง
ส่วนการที่ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาระบุว่า กระทรวงที่พรรคภูมิใจไทยเคยดูแล หากพรรคเพื่อไทยนำไปดูแลคงจะบริหารได้ไม่ดีเท่ากับตอนที่บริหารงานนั้น ประเสริฐกล่าวว่า ไม่จริง เรื่องนี้ขอปฏิเสธ เพราะหลังจากที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายภารกิจให้กับรองนายกและรัฐมนตรีเข้าไปรักษาการกระทรวงที่พรรคภูมิใจไทยรับผิดชอบ ตอนนี้มีผู้ร้องมาแล้วว่าเกิดการกระทำที่ไม่ชอบมาพากล และอยากให้รัฐบาลเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งเป็นเรื่องของการใช้งบประมาณ
ประเสริฐกล่าวว่า ส่วนตัวที่เป็นผู้รับผิดชอบให้กำกับดูแลกระทรวงศึกษาธิการ มีการแจ้งและทำหนังสือมายังตน และพบว่าเป็นการจัดซื้อจัดจ้างเรื่องของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นวงเงินที่สูงกว่าปกติมีมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท และเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และเร่งด่วนที่จะต้องทำ ซึ่งในส่วนของกระทรวงมหาดไทยก็ได้ยินข่าวมาเช่นกัน แต่ก็เป็นเรื่องของ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย
ส่วนหากปรับ ครม. แล้วเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โปรเจกต์ใหญ่ที่เคยทำไว้จะดำเนินการต่ออย่างไร ประเสริฐกล่าวว่า หากมีการปรับเปลี่ยน การทำงานก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค ก็จะต้องมอบหมายงาน ซึ่งในฝ่ายของข้าราชการประจำก็พร้อมทำงานร่วมอยู่แล้ว ไม่ได้มีปัญหาหรืออุปสรรคใดๆ อีกทั้งโครงการใหญ่ๆ ส่วนมากก็ดำเนินการด้วยนโยบายของฝ่ายการเมือง แต่ในส่วนของการลงรายละเอียด ข้าราชการประจำก็เป็นฝ่ายดำเนินการ
ประเสริฐยังกล่าวถึงกรณี สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และอดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า อีก 3 เดือนประเทศไทยจะมีนายกฯ ใหม่ ว่าไม่ได้หวั่นไหว เขาก็ทำนายไป แต่ตนมองว่าปราศจากข้อเท็จจริง คงจะพยายามดิสเครดิตรัฐบาลไทย ส่วนตัวรับรองว่ารัฐบาลอยู่ได้ซึ่งตนมั่นใจ และเชื่อว่ารัฐบาลยังไม่ตีบตันเพราะเสียงสนับสนุนยังเพียงพอ ส่วนการกระทำของสมเด็จฮุน เซน เป็นการแทรกแซงการเมืองไทยหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณา
