เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG) รายงานส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศใน 1Q68 ที่ 25.6% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับ 4Q67 แต่เพิ่มขึ้น 1.9 ppt จาก 1Q67 และส่วนแบ่งตลาดในเดือนเมษายน ยังคงแข็งแกร่งที่ 25.7% ในแง่ทำเลที่ตั้ง ส่วนแบ่งตลาดเติบโตในทุกภูมิภาค ยกเว้นภาคใต้ของประเทศไทยซึ่งมีสัดส่วนรายได้น้อยที่สุด CBG ยังคงเป้าส่วนแบ่งตลาดสำหรับปี 2568 ไว้ที่ 29% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดใหม่ อย่างไรก็ตาม ด้วยการแข่งขันที่รุนแรง InnovestX Research จึงคงสมมติฐานส่วนแบ่งตลาดเติบโต 1-1.5 ppt YoY โดยได้รับแรงหนุนจากช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งและสูตรความหวานที่ไม่เปลี่ยนแปลง
CBG กำลังดำเนินการขยายโรงงานผลิตเครื่องดื่มชูกำลัง 2 แห่งในต่างประเทศ โดยโรงงานในเมียนมาจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน และเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตใน 3Q68 ซึ่ง InnovestX Research คาดว่าจะช่วยหนุนให้ยอดขายในเมียนมาในปี 2568 เติบโตอย่างน้อย 40%YoY
ในขณะที่โรงงานในกัมพูชายังคงยืนยันกำหนดการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนมกราคม 2569 การผลิตในต่างประเทศด้วยต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ลดลงจะสนับสนุนให้ยอดขายเติบโตและอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 2H68 เป็นต้นไป
ใน 1Q68 CBG มีกำไรสุทธิ 760 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 21.1%YoY แต่ลดลงเล็กน้อย 2.8%QoQ) โดยได้แรงหนุนจากรายได้ที่เติบโต 8%YoY (แต่ลดลง 10.9%QoQ จากปัจจัยฤดูกาล)
ยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศเติบโต 30%YoY ในขณะที่ยอดขายต่างประเทศลดลง 14%YoY จากเมียนมาและกัมพูชา ใน 2Q68TD CBG คาดว่ายอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 10% ในขณะที่ยอดขายต่างประเทศเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในเดือนพฤษภาคม ทั้ง YoY และ QoQ
ดังนั้น InnovestX Research จึงคาดว่ายอดขายรวมใน 2Q68 จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ โดยได้รับแรงหนุนจากการประหยัดต่อขนาดและประสิทธิภาพด้านต้นทุนจากต้นทุนเฉลี่ยที่ลดลงของวัตถุดิบหลัก กำไร 2Q68 จึงน่าจะเติบโต YoY และ QoQ ปี 2568 ประมาณการว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 14.8% มาอยู่ที่ 3.26 พันล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากรายได้ที่เติบโต 10% มาอยู่ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้น 20 bps
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือน ที่ผ่านมา ราคาหุ้น CBG ปรับลง 4.8% สู่ 60.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 3.3% สู่ 1,189.14 จุด
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
InnovestX Research คาดว่าส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1-1.5 ppt ในปี 2568 ซึ่งเมื่อรวมกับปริมาณการขายที่สูงขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งจากประสิทธิภาพด้านต้นทุน ปี 2568 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 14.8% โดยคาดว่ากำไรสุทธิ 2Q68 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง YoY และ QoQ ดังนั้นจึงแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ CBG โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 80 บาทต่อหุ้น อิงกับ PE เป้าหมายที่ 24 เท่า (-1.25SD ของ PE เฉลี่ย 5 ปี) และมองว่าตอนนี้เป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสม
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ เศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงนโยบายของกลุ่มประเทศ CLMV ราคาวัตถุดิบและต้นทุนสินค้าขาย (อะลูมิเนียม น้ำตาล ก๊าซธรรมชาติ และค่าไฟฟ้า) มีความผันผวน และการบริโภคภายในประเทศที่อ่อนแอลง ความเสี่ยงด้าน ESG: การบริหารจัดการพลังงาน (E), สวัสดิภาพของลูกค้า (S)
CBG – แนวโน้ม 2Q68 สดใส
https://www.innovestx.co.th/cafeinvest/research/company-analysis/high-conviction/cbg-hc-20250521