วันนี้ (24 พฤษภาคม) วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส. แพร่ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในคดีโครงการรับจำนำข้าว จำนวน 10,028 ล้านบาท ว่า โดยหลักของการบริหารประเทศนั้น มุ่งเป้าไปที่การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นหลัก เม็ดเงินงบประมาณของประเทศจะถูกใช้ไปในการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจทั้งหมด จะใช้คำว่า ขาดทุนไม่ได้
นอกจากนี้เห็นได้ชัดว่าจากรายงานทางการเงินของทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ก็ไม่เคยมีรายงานการปิดบัญชีว่ามีการขาดทุนเกิดขึ้นในโครงการรับจำนำข้าวหรือในระบบงบประมาณของประเทศไทย และการทำนโยบายตามที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชนก็เหมือนกับทุกนโยบาย
วรวัจน์กล่าวอีกว่า ยิ่งไปกว่านั้นการเอาผิดกับยิ่งลักษณ์โดยใช้คำสั่งตามมาตรา 44 เป็นการเอาบรรทัดฐานซึ่งไม่ใช่บรรทัดฐานสากลมาบังคับใช้กับยิ่งลักษณ์ อาจทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหายในสายตาของนานาประเทศ ทุกนโยบายก็ต้องมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว และการตัดสินการตัดสินใจทางการเมืองอยู่ที่ผลการเลือกตั้งของประชาชน
วรวัจน์กล่าวอีกว่า โครงการจำนำข้าวไม่ใช่ว่าจะมีโอกาสว่าเสียหายอย่างเดียว แต่มีโอกาสที่จะมีกำไร เพราะตัวเลขปิดบัญชีระหว่างปีเป็นแค่ตัวเลขในขณะหนึ่งๆ เท่านั้น ทั้งนี้ยังมีเหตุเกิดขึ้นในระหว่างรอยต่อการปฏิวัติรัฐประหาร ขณะนั้นมีการปิดโกดังข้าว มีผู้ต้องการซื้อข้าวในราคาที่สูงแต่ก็ไม่สามารถซื้อได้ จนทำให้ข้าวเสื่อมราคา ต่อมาถูกขายออกไปในราคาที่ต่ำเหมือนกับข้าวหมดสภาพแล้ว
ต้องมีการทบทวนในเรื่องนี้ และดำเนินการตามหลักนิติรัฐ และนิติธรรมถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปในอนาคตจะไม่มีใครกล้าตัดสินใจทำนโยบายดีๆ เพื่อพี่น้องประชาชน เพราะเกรงว่าอาจจะถูกนำกลับมาเล่นงานเชิงการเมืองในภายหลัง ทั้งนี้ตนได้ลองตั้งคำถามกับ ChatGPT ที่ไม่มีอคติทางการเมือง บทวิเคราะห์ก็ออกมาในลักษณะเดียวกันว่า การบริหารนโยบายรัฐใช้คำว่า ขาดทุนไม่ได้
“ถ้าถามพี่น้องชาวนาและประชาชนก็จะได้คำตอบว่า โครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่ดีที่สุด แก้ไขปัญหาปากท้อง ให้พี่น้องประชาชนมีเงินในกระเป๋าเพิ่มมากขึ้นได้อย่างแท้จริง รัฐบาลยิ่งลักษณ์สามารถลดการขาดดุลงบประมาณ เพราะได้รับภาษีเพิ่มมากขึ้น ทุกประเทศทั่วโลกต่างก็ดำเนินการในรูปแบบนี้ การใช้จ่ายเงินของภาครัฐจะไม่มีคำว่าขาดทุน ประเทศไทยเราต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นจะก่อให้เกิดปัญหาต่อการบริหารประเทศในระยะยาว” วรวัจน์กล่าว