×

สว. ฉัตรวรรษ รุกฟ้องกลับ ม.157 เจ้าหน้าที่ ทำคดีฮั้ว สว. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อลงกตปัดไม่รู้จักโรงแรมพูลแมน

โดย THE STANDARD TEAM
21.05.2025
  • LOADING...
พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ แสงเพชร แถลงข่าวฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ ปมสอบฮั้ว สว. มาตรา 157 หน้าสำนักงาน กกต.

วันนี้ (20 พฤษภาคม) กลุ่ม สว. ชุดปัจจุบัน นำโดย พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ แสงเพชร, อลงกต วรกี, พล.ต.ท. บุญจันทร์ นวลสาย และ พ.ต.อ. กอบ อัจนากิตติ เดินทางมาที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนการฝ่าฝืนกฎหมายการปฏิ​บัติหน้าที่มิชอบด้วยกฎหมาย​ของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่ 26 ที่ไม่กระทำให้เป็นไปตามระเบียบ​ว่าด้วยการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย​ชี้ขาด​ พ.ศ. 2561 และแก้ไขเพิ่มเติมการรักษาความลับของทางราชการซึ่งมีการปิดหมายโดยไม่ชอบและการปฏิเสธการเข้าถึงพยานหลักฐาน​ในวันที่แจ้งรับทราบข้อกล่าวหาซึ่งดำเนินการ​ตามกฎหมาย 

 

พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (20 พฤษภาคม) ได้มารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตนเองแล้ว ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ในคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่ 26 ด้วยความเป็นกันเอง รู้สึกสบายใจที่ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่เป็นกรรมการตัวเล็กๆ คุยกันแล้วรู้เรื่อง ไม่เหมือนกับคนที่มีอำนาจสั่งการที่คุยไม่ค่อยรู้เรื่อง ต้องยกความชอบธรรมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

 

สำหรับวันนี้มายื่นหนังสือถึงประธาน กกต. เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับ สว. ที่ถูกเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา เนื่องจากคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่ 26 ละเมิดระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างร้ายแรงและละเมิดสิทธิพื้นฐานของผู้ที่ถูกกล่าวหา โดยเฉพาะการออกหนังสือเชิญที่ไม่ใช่หมายเรียกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ทั้งยังแจ้งรายละเอียดไม่ชัดเจนเพียงพอ หรือหาพยานหลักฐานมาแก้ข้อกล่าวหาได้ ขัดต่อหลักความเป็นธรรมที่ควรได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำหนดให้ผู้ถูกกล่าวหาต้องรับข้อมูลที่เพียงพอสำหรับการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา

 

ส่วนวิธีติดหนังสือเชิญ ไม่ได้มีการรักษาความลับราชการ ไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่กำหนดว่าจะต้องบรรจุซอง 2 ชั้น เพื่อป้องกันการเปิดเผยข้อมูล โดยการติดหมาย ณ ที่พักอาศัยของผู้ถูกกล่าวหาในเขตกรุงเทพมหานคร ไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบรักษาความลับของราชการ สร้างความเสียหายแก่ชื่อเสียงและเกียรติยศของผู้ถูกกล่าวหา แม้ว่าจะจงใจหรือไม่ก็ตามในการแจ้งสื่อมวลชนไปทำข่าว แต่การกระทำดังกล่าวมีเจตนาพิเศษให้เกิดความเสียหายโดยไม่สุจริต 

 

“การปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่เป็นกลางและเลือกปฏิบัติทำให้เข้าใจได้ว่า สว. ที่ถูกออกหมายเรียกและรับทราบข้อกล่าวหาเป็นผู้กระทำผิดฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ทั้งที่สื่อมวลชนเสนอข่าวหลายแขนงรับฟังได้ว่ามี สว. กลุ่ม 8 + 1 และ 21 + 24 แต่ไม่ปรากฏว่ามีการสืบสวนไต่สวน แสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นกลาง อาจมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งที่ กกต. เป็นองค์กรอิสระ ปราศจากความครอบงำทางการเมือง” 

 

พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ ยังมีข้อน่าสังเกตว่าคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯ มีเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) จำนวน 3 คน ร่วมเป็นกรรมการ หรือสัดส่วน 3 ใน 7 ซึ่งเป็นหน่วยงานในกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อาจเข้าใจได้ว่ามีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ท่านก็ทราบดีว่าศาลได้สั่งให้รัฐมนตรียุติธรรมหยุดปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ DSI ไปแล้ว 

 

การทำงานของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯ ที่แจ้งข้อกล่าวหาในลักษณะเคลือบแคลง ขอตรวจสอบพยานหลักฐาน และขอคัดถ่ายพยานหลักฐานเพื่อเตรียมเอกสารชี้แจงหรือแก้ข้อกล่าวหา อ้างมิให้เปิดเผย เสมือนมัดมือชกฝ่ายเดียว จึงเรียกร้องต่อ กกต. ดังนี้ 

 

  1. ให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่ 26 และคณะอื่นที่มีการกระทำลักษณะเดียวกันทันที เพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติมที่จะเกิดขึ้น

 

  1. ให้มีการเพิกถอนกระบวนการใดๆ ที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนี้ทั้งหมด

 

  1. อนุญาตให้ผู้ถูกกล่าวหาทุกคนได้มีโอกาสตรวจสอบและเข้าถึงพยานหลักฐานทั้งหมดที่ใช้ในการตั้งข้อกล่าวหา เพื่อให้สามารถปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของตนเองได้อย่างเหมาะสม และขอให้ กกต. ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยยืนยันในหลักการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใส ยุติธรรมและเป็นกลาง เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของกระบวนการเลือกตั้งและ กกต. อย่างสูงสุด

 

เปรียบ DSI ยืมมือคณะกรรมการสืบสวนฯ เอี่ยวการเมือง

 

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ ยอมรับการตรวจสอบของ กกต. ที่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ส่วนในคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯ หากปราศจากการครอบงำทางการเมือง ซึ่งได้ชี้แจงการดำเนินการของ DSI ตั้งแต่ชั้นสืบสวนและสอบสวน เหมือนเป็นการเบนประเด็นการทำงาน เหมือนยืมมือคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯ

 

“ประธาน กกต. ควรที่จะเลือกตั้งคณะกรรมการที่ไม่เกี่ยวข้องกับ DSI เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพนักงานอัยการหรือส่วนที่เกี่ยวข้องที่พร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา” พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ กล่าว 

 

พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ ยังกล่าวถึงประเด็นที่มีคนมาร้องให้ถอดถอน สว. ทั้ง 148 คน เป็นที่ทราบดีบ้านเมืองเราไม่เป็นปกติสุขทุกวันนี้เพราะการเมือง ดังนั้นเมื่อการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องทุกคนก็มีสิทธิเสรีภาพในการต่อสู้ตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนที่มีคนมายื่นร้องยุบพรรคภูมิใจไทยนั้นเป็นคนละประเด็นกันนั่นเป็นเรื่องของ สส. ตนเองคงไม่ไปก้าวล่วงตำแหน่งหน้าที่ทางการเมืองอื่นๆ 

 

สำหรับกรณีที่มีการเชื่อมโยงว่าพรรคภูมิใจไทยเกี่ยวข้องกับการฮั้วเลือก สว. พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ กล่าวว่า “บนหน้าผากของผมมีเขียนหรือไม่ว่าอยู่พรรคไหน ดังนั้น ผมถือว่าได้เป็น สว. ทำงานในราชการได้ด้วยความรู้ ความสามารถ”

 

ไม่รู้จักโรงแรมพูลแมน

 

ส่วนที่มีข่าว สว. หลายคนเดินทางไปที่โรงแรมพลูแมน พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ ยอมรับว่า “บางคนมีตังค์ก็ไปกินข้าว” ด้านอลงกต จึงถามกลับสื่อมวลชนเป็นภาษาอังกฤษว่า “What is Pullman?, Like a pool?” (อะไรคือพูลแมน เหมือนสระน้ำหรือไม่) ผู้สื่อข่าวจึงตอบกลับเป็นภาษาไทยว่า “โรงแรมพูลแมน” 

 

อลงกตยังคงกล่าวเป็นภาษาอังกฤษว่า โรงแรมพูลแมนอยู่ที่ไหน และเมื่อสื่อมวลชนตอบว่า ซอยรางน้ำ อลงกตก็ยังคงตอบเป็นภาษาอังกฤษว่า ซอยรางน้ำอยู่ที่ไหน ก่อนกล่าวว่า “I only know Rattanakosin Hotel” (ผมรู้จักแต่โรงแรมรัตนโกสินทร์)

 

ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อไปถึงกรณีมีการเปิดเผยว่ามีการให้ สว. เซ็นใบลาออกเป็นประกันไว้ พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ กล่าวว่า ไม่รู้ พวกท่านรู้ดีว่ากำพืดของคนเคยเป็น สส. เป็นอย่างไร นักข่าวรู้ดี แต่ตนเองเป็น สว. เป็นอาชีพสุจริต ช่วยเหลือประชาชนมาเยอะ ใครจะกล่าวหาอย่างไรก็ว่าไป แต่ถ้ามีพาดพิงถึงชื่อตนเองค่อยว่ากัน

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising