เกิดอะไรขึ้น:
บมจ. คาราบาวกรุ๊ป (CBG) เปิดเผยตัวเลขส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังภายในประเทศในเดือนมกราคม 2568 ที่ 25.4% ลดลงจาก 26% ในเดือนธันวาคม 2567 โดยหลักๆ เกิดจากการลดลงจากช่องทางร้านค้าแบบสมัยใหม่ (Modern Trade) ที่ 1.2%
ขณะที่ช่องทางร้านค้าแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) ลดลง 0.3% CBG ระบุว่า ส่วนแบ่งตลาดที่ลดลงเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายน้อยลงหลังจากสิ้นสุดเทศกาลเฉลิมฉลองในเดือนธันวาคม แนวโน้มส่วนแบ่งตลาดในเดือนกุมภาพันธ์คาดว่าจะทรงตัว ในขณะที่ CBG เห็นสัญญาณการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งตลาดในเดือนมีนาคม
CBG ยังคงเป้าส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในปี 2568 ไว้ที่ 29% ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้น แม้ส่วนแบ่งตลาดในเดือนมกราคมปรับตัวลดลง แต่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วงปลายไตรมาส ดังนั้นยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังภายในประเทศรวมทั้งหมดใน 1Q68 น่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ YoY (จากฐานต่ำ) และทรงตัว QoQ จากระดับสูงสุดใน 4Q67
InnovestX Research ประเมินว่ากำไร 1Q68 จะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้ที่เติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก YoY แต่ลดลงเล็กน้อยในระดับเลขหลักเดียว QoQ ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ มาอยู่ที่ราว 28% เทียบกับ 26.8% ใน 1Q67 และ 26.7% ใน 4Q67 โดยได้แรงหนุนจากต้นทุนวัตถุดิบหลัก เช่น เศษแก้ว ที่ลดลง และการประหยัดต่อขนาด
สำหรับ 2Q68 ด้วยผลกระทบตามฤดูกาล ทำให้คาดว่าปริมาณการขายจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ และมีปัจจัยหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากต้นทุนน้ำตาลที่ลดลง ดังนั้นกำไร 2Q68 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้ง YoY และ QoQ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้กำไร 1H68 แข็งแกร่ง
และคาดการณ์ว่ารายได้ในปี 2568 จะเติบโต 10% มาอยู่ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ยังติดตามความเคลื่อนไหวของส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังภายในประเทศเพื่อดูว่ามีโอกาสที่จะเพิ่ม Upside ให้กับประมาณการดังกล่าวหรือไม่ โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 14.8% มาอยู่ที่ 3.26 พันล้านบาทในปี 2568
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปลาย 2Q68 เป็นต้นไป CBG จะเริ่มใช้ขวดแก้วและกระป๋องที่บางลง ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนและหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้นได้ราว 1% นอกจากนี้ ใน 3Q68 CBG จะเริ่มเดินเครื่องโรงงานใหม่ในเมียนมาเชิงพาณิชย์ ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ยอดขายในต่างประเทศเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 4Q68 เป็นต้นไป ในขณะที่โรงงานใหม่ในกัมพูชายังคงมีความคืบหน้าตามกำหนด โดยคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงต้น 1Q69
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น CBG ปรับลง 12.14% ขณะที่ SET Index ปรับลง 8.84% สู่ 1,159.64 จุด
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
ราคาหุ้น CBG ปรับตัวลดลงมาแล้ว 20% ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนถึงสภาวะตลาดโดยรวมและความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง InnovestX Research เชื่อว่าการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด 300bps เป็นเป้าหมายที่ท้าทาย
แต่คาดว่าส่วนแบ่งการตลาดจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 100-150bps ในปี 2568 สอดคล้องกับอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งและปริมาณการขายในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมองว่าราคาหุ้นที่ลดลงเปิดโอกาสให้เข้าสะสมหุ้น CBG โดยแนะนำ Outperform สำหรับ CBG โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 99 บาทต่อหุ้น อ้างอิง -0.5SD PE ที่ 30 เท่า
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ ความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน: เศรษฐกิจและนโยบายของกลุ่มประเทศ CLMV เป็นสิ่งที่ต้องจับตา ราคาวัตถุดิบและต้นทุนสินค้าขาย (อะลูมิเนียม, น้ำตาล, ก๊าซธรรมชาติ และค่าไฟฟ้า) มีความผันผวน ภาษีความหวานระยะที่ 4 น่าจะประกาศภายในมีนาคม ความเสี่ยงด้าน ESG: CBG ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ในระดับ AA โดยได้รับการเลื่อนระดับขึ้นจากระดับ A ในปี 2566
CBG – คาดกำไร 1H68 แข็งแกร่ง
https://www.innovestx.co.th/cafeinvest/research/company-analysis/high-conviction/cbg-hc-20250314