ความสำเร็จของ MIXUE หรือมี่เสวี่ย แบรนด์ชาและไอศกรีมสัญชาติจีนที่พกจุดขายสินค้า ‘ราคาถูก’ เป็นอาวุธดึงลูกค้า หลังเปิดเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงวันแรก 3 มีนาคม 2568 นักลงทุนแห่ซื้อ ราคาหุ้นพุ่งกว่า 40%
Nikkei Asia รายงานว่า MIXUE เสนอขายหุ้นไปทั้งหมด 17.06 ล้านหุ้น โดยหุ้นเปิดตลาดอยู่ที่ราคา 262 ดอลลาร์ฮ่องกง สูงกว่าราคา IPO ที่กำหนดไว้อยู่ที่ 202.50 ดอลลาร์ฮ่องกง และเมื่อปิดตลาดราคาหุ้นพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 290 ดอลลาร์ฮ่องกง เพิ่มขึ้นจากราคา IPO ถึง 43.2%
สำหรับหุ้นของ MIXUE มีนักลงทุนแห่จองเกินกว่าจำนวนที่เสนอขาย 5,258 เท่า ถือว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนรายย่อยเป็นอย่างมาก จากรายงานผลประกอบการล่าสุด MIXUE สามารถระดมทุนได้ทั้งหมด 3.45 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 443 ล้านดอลลาร์ หรือราว 16,000 ล้านบาท)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
บริษัทรายงานว่าเงินที่ได้มาบริษัทมีแผนจะนำไปต่อยอดพัฒนาธุรกิจให้ครบวงจร รวมถึงสร้างโรงงานและศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ในจีน
สำหรับการ IPO ในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนหลักๆ 5 ราย ประกอบด้วย
- M&G Investments
- HongShan Growth
- Persistence Growth Limited
- HHLR Fund
- Meituan’s Long-Z Fund
ในวันที่เสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรก ‘จางหงเชา’ และ ‘จางหงฝู’ สองพี่น้องผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ MIXUE ไม่ได้เข้ามาร่วมพิธีเปิดตลาด แต่ได้ส่งมาสคอตตัวหิมะ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ เข้าร่วมสร้างสีสันในงานแทนและไม่ได้มีการเข้าร่วมแถลงข่าวหลังการเข้าตลาดหุ้นแต่อย่างใด
สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนต้องการมีส่วนเป็นเจ้าธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว การันตีจากความสำเร็จของ MIXUE แบรนด์ที่จำหน่ายชานม ไอศกรีม และน้ำผลไม้ สัญชาติจีน ที่ชูจุดขายสินค้าทำสดใหม่ ราคาถูกไม่เกิน 10 หยวน หรือราว 50 บาทต่อแก้ว ซึ่งเป็นโมเดลที่ถูกใจผู้บริโภคจีนและผู้บริโภคในประเทศอื่นๆ ที่อยู่ในช่วงระมัดระวังการใช้จ่าย
จากนั้นก็พยายามรุกคืบขยายอาณาจักรธุรกิจอย่างรวดเร็ว โดยตัวเลขสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา MIXUE มีสาขาในจีนและอีก 11 ประเทศ ยกตัวอย่างเช่น อินโดนีเซีย, เวียดนาม, มาเลเซีย, ไทย, ออสเตรเลีย, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น
รวมๆ กันแล้วทั้งหมด 45,302 สาขา ซึ่งมากกว่าปี 2021 ถึง 2 เท่า เรียกว่าแซงหน้า McDonald’s ที่มี 43,000 สาขา และ Starbucks ที่มี 40,576 สาขาทั่วโลก
อ้างอิง:
