วันนี้ (24 กุมภาพันธ์) ที่กระทรวงมหาดไทย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความขัดแย้งของพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยว่า ‘ไม่มี’ มีแต่ผู้สื่อข่าวไปผสมกันทั้งนั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า งานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาลในวันพรุ่งนี้จะมีการเคลียร์ใจกันหรือไม่นั้น อนุทินกล่าวว่า เป็นการพูดคุยกันเรื่องงาน ต้องรอฟังนายกรัฐมนตรีว่ามีแนวนโยบายอย่างไร เพราะนายกรัฐมนตรีบอกว่าถึงเวลาแล้ว ที่แกนนำรัฐบาลต้องมาพบกัน เพราะจะมีเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงรายงานข่าวว่าช่วงเย็นวันนี้จะมีการพบพูดคุยนอกรอบระหว่างแกนนำพรรคภูมิใจไทยกับ ทักษิณ ชินวัตร และ แพทองธาร ชินวัตร อนุทินตอบว่า ไม่มี ก่อนย้อนถามว่าพบกับใคร เป็นรายงานข่าวที่ไหน พร้อมกับหัวเราะ และส่ายหน้าปฏิเสธ
ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำอีกครั้งว่า ยืนยันใช่หรือไม่ว่าเย็นนี้รับนัดใครไว้ อนุทินย้อนถามกลับว่า ทำไมตนต้องบอก เดี๋ยวจะไปเชียงรายช่วงบ่ายวันนี้ พร้อมระบุต่อว่า ขออย่าไปผูก อย่างเรื่อง สว. ห้ามถามตนเลย เพราะตนเป็น สส. และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตนก็อ่านข่าว เยอะไปหมด พยายามจะโยงให้มาเกี่ยวข้อง แต่คนเขารู้จักกัน รู้จักกันทุกองค์กร รู้จักเป็นการส่วนตัว เป็นพรรคพวกกัน แต่เรื่องงาน เราไม่เกี่ยวข้องกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นการเอาคืนกันไปมาเพื่อล้ม สว. สีน้ำเงิน ใช่หรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย เราก็เสพข่าวเท่ากันทุกคน ใครก็ตามที่ผิดกฎหมาย อย่าว่าแต่ สว. เลย สส. ถ้าที่มาไม่ถูกต้องก็ต้องถูกดำเนินการ กฎหมายว่าอย่างไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าในฐานะที่อนุทินมีความสนิทสนมกับ พล.อ. เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา มั่นใจหรือไม่ว่าจะเอาอยู่ กรณีฮั้ว สว. อนุทินระบุว่า พล.อ. เกรียงไกร บอกกับตนตั้งแต่ตอนสมัคร สว. ว่า มีสมัครพรรคพวกมาก และสมัครที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก็มั่นใจว่าผ่านเข้ารอบ ตั้งแต่ตอนที่เป็นที่ปรึกษาให้กับตนยังถามเลยว่า “ไหวเหรอ” ท่านก็บอกว่าวางแผนไว้นานแล้ว มีโอกาสก็ไป ท่านเข้ามาได้ด้วยตัวท่านเอง ท่านเป็นอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 สู้รบตบมือกับอริราชศัตรู ทำงานด้านความมั่นคงจน ฮ. ตกมาแล้ว ตนคิดว่าท่านก็ต้องมั่นใจในคุณสมบัติของท่าน แล้วท่านก็ได้เข้ามาจริงๆ หากถามตน เชื่อว่าคนอย่าง พล.อ. เกรียงไกร และอีกหลายคนมีคุณสมบัติ ซึ่ง พล.อ. เกรียงไกร ก็เป็นรุ่นพี่ที่รักกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่า สว. ค่ายน้ำเงินเป็นเอกเทศ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทย อนุทินกล่าวว่า ยืนยันไม่ได้ เพราะไม่เกี่ยว ทุกฝ่ายที่เคลือบแคลงสงสัย หรือได้รับคำร้องใดๆ มา เขาก็มีขั้นตอนสอบสวนอยู่ ว่าใครจะต้องเป็นผู้ดำเนินการ ก็ตามข่าวนั่นแหละ ขอให้ทำตามกฎหมายและเป็นธรรม และทุกอย่างก็จะเรียบร้อย
เมื่อถามถึงกรณีให้สัมภาษณ์พิเศษ เรื่องอนาคตทางการเมือง ที่ขออีกหนึ่งสมัยจะวางมือ อนุทินชี้ไปที่คอ พร้อมกล่าวว่า “ก็ดูสิ คอย่นหมดแล้ว” ก็ถึงเวลาแล้ว คนรุ่นใหม่ก็เริ่มเข้ามา เราต้องเปลี่ยนผ่าน และต้องตอบแทนชีวิตตัวเองบ้าง ทำงานมาตั้งแต่อายุ 23 นี่จะ 60 แล้ว
ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แล้วที่ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าไม่โหวตให้ตอนศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจจะ… หมายความว่าอย่างไร อนุทินตอบว่า หยิกแขน
ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าไม่ใช่การถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ อนุทินหัวเราะ ก่อนทำท่าเชิดหน้า ร้องฮึ ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ไม่ตอบคำถามนี้ใช่ไหม อนุทินบอกว่า ตอบไปแล้วว่าหยิกแขน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวเกี่ยวกับสมการการผลักพรรคภูมิใจไทยออก และดึงพรรคประชาชนเข้ามาร่วมในรัฐบาล อนุทินกล่าวว่า มีทุกทฤษฎี ใครจะพูดอะไรก็สามารถพูดได้หมด แต่ถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้ ทุกพรรคมีใครไม่ทำตามนโยบายรัฐบาลบ้าง ต้องดูเหตุผลด้วย ไม่ใช่ว่ามีใครไปผูกโยงเรื่องนั้นเรื่องนี้เข้ามา และพยายามมองว่าเป็นความขัดแย้ง ซึ่งยังไม่มีความขัดแย้งอะไรถึงขนาดที่ต้องเคลียร์ใจ ซึ่งเชื่อว่าการเคลียร์ใจในการพบกันของแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลอาจจะเป็นการพูดคุยกันถึงการดำเนินงานที่ผ่านมา หากต้องปรับแก้อะไร รวมถึงเป็นการเตรียมตัวและเตรียมการรับมือในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หวั่นไหวหรือไม่ อนุทินระบุว่า หวั่นไหว เพราะนักข่าวถามนี่แหละ เพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ขณะนี้ถูกมองว่าภูมิใจไทยมีศึกรอบด้าน อนุทินถามกลับว่า ศึกรอบด้านหมายความว่าอย่างไร รัฐบาลเป็นรัฐบาลที่ต้องทำงานให้บ้านเมือง ผู้สื่อข่าวก็อย่าถามคนโน้นทีคนนี้ที ทุกคนจะได้ทำงานให้บ้านเมือง เรามีหน้าที่ทำงานให้กับบ้านเมือง ไม่ได้มีหน้าที่ที่จะมาทะเลาะกัน
อนุทินกล่าวถึงศึกรอบด้านกับพรรคภูมิใจไทยว่า ไม่มี ศึกรอบด้านหมายความว่าอย่างไร รัฐบาลเป็นรัฐบาลก็ต้องทำงานให้บ้านเมือง ไม่ได้มีหน้าที่มาทะเลาะกัน อย่างเรื่องสนามกอล์ฟแรนโช ชาญวีร์ ของครอบครัวตน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงไปแล้วว่ามีโฉนดถูกต้อง ได้มาอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ก็ต้องไปตรวจสอบแหล่งที่มา ซึ่งเขามีหน้าที่ตรวจสอบก็ต้องทำการตรวจสอบ แต่อย่างน้อยพวกตนก็ไม่ได้ขี้โกง ไม่ได้ใช้อิทธิพลใดๆ ในการออกโฉนด ซื้อโฉนดมา ควรจะต้องจบไป แต่หากตรวจแล้วโฉนดนี้ไม่ถูกต้อง กรมที่ดินก็ต้องเพิกถอน เมื่อเพิกถอนแล้วก็ต้องชดใช้ มันไม่มีเสียเปล่า แล้วค่อยมานั่งหาวิธี ไม่มีต่อสู้อะไรอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ถือว่าเป็นการเอาคืนหรือไม่ เพราะกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎรที่มี กรวีร์ ปริศนานันทกุล เป็นประธาน ได้เรียก ธนดล สุวัณณะฤทธิ์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาพบ อนุทินกล่าวว่า เมื่อมีข่าวอะไรก็ตาม มองว่าการที่เลือกใครเข้าไปชี้แจง อย่างกรณี กมธ.การปกครอง เพราะเริ่มมีความเสียหายกับคนอื่นแล้ว ไม่ใช่แค่มองถึงตนเท่านั้น อย่างที่ตนได้ชี้แจงไว้ว่าในส่วนของครอบครัวตน ไม่ได้คิดจะซื้อขายที่ดินเพื่อเก็งกำไร แต่เก็บไว้เป็นทรัพย์สินของครอบครัว แต่การเข้าไปตรวจสอบเช่นนั้นเกิดความเสียหายด้านการลงทุน ความมั่นใจของนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ใครที่อยากจะซื้อที่ดินแถวนั้น อยากจะสร้างโครงการ อยากจะสร้างความเจริญ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้นักลงทุนไม่อยากมาลงทุน และหากต้องการไปตรวจสอบความถูกต้อง ก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปตรวจสอบกับใคร ไม่ว่าจะเป็น ส.ป.ก. หรือกรมที่ดิน หรือกรมแผนที่ทหาร ก็จะเกิดความสับสนและความไม่แน่นอน
เมื่อมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นเมื่อไร การลงทุนก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะการลงทุนจะเกิดขึ้นเมื่อมีความมั่นใจในเสถียรภาพของประเทศนั้น ของเศรษฐกิจและความแน่นอน แล้วอะไรคือความแน่นอนในการลงทุน เรื่องที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์นั่นคือโฉนด เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดความไม่แน่นอนเช่นนี้จึงเกิดความเสียหาย กรรมาธิการก็กังวลถึงความเสียหายของเศรษฐกิจโดยรวมมากกว่าความเสียหายของครอบครัวหัวหน้าพรรคแน่นอน ถึงได้บอกว่านักข่าวต้องไม่ไปปูด และกรรมาธิการก็ไม่ใช่ของพรรคภูมิใจไทย แต่มีสมาชิกของทุกพรรคการเมือง