วันนี้ (13 กุมภาพันธ์) คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี รังสิมันต์ โรม สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธาน เชิญ ชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก พร้อมด้วยนายอำเภอชายแดนอีก 5 อำเภอ, สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.), ผู้แทนปลัดกระทรวงมหาดไทย, ผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก, ผู้แทนผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และหน่วยเฉพาะกิจราชมนู มาให้ข้อมูลปัญหาท่าข้าม ชายแดนที่มีความเชื่อมโยงกับประเด็นปัญหาคอลเซ็นเตอร์และยาเสพติดตามแนวชายแดน หลังไทยตัดไฟฟ้า-สัญญาณอินเทอร์เน็ต และงดส่งน้ำมันไปยังประเทศเมียนมา
รังสิมันต์เปิดเผยก่อนการประชุมว่า เราพยายามกดดันไปที่การปราบปรามโครงสร้าง และเห็นว่าจำเป็นต้องมีการจับกุม ซึ่งเห็นสัญญาณในการย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และขบวนการค้ามนุษย์ ตนเองจึงอยากได้ความชัดเจนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าจะมีข้อสรุปเมื่อใด
สำหรับวันนี้เป็นประเด็นเรื่องท่าข้าม ซึ่งจังหวัดตากมี 59 ท่า แต่ละท่ามีวัตถุประสงค์เพื่อการค้า แต่มีข้อมูลว่าท่าที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือคาสิโนไม่ได้มีไว้เพื่อขนส่งเท่านั้น เพราะมีการขนอิฐ หิน ดิน ปูน มาจากไทย ซึ่งตนเองเห็นมากับตา และไม่รู้ว่า สมช. มีมาตรการอย่างไรว่าท่าข้ามจะมีความปลอดภัยต่อคนไทยได้จริง
หลายประเทศคว่ำบาตร ‘หม่อง ชิต ตู่’ แต่ไทยบอกหลักฐานไม่พอ
นอกจากนี้ส่วนตัวมีความกังวลเรื่องการออกหมายจับ พ.อ. หม่อง ชิต ตู่ ซึ่งเป็นความท้าทายและต้องวัดฝีมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง แต่อย่างน้อยที่สุดการออกหมายจับจะทำให้ทุนสีเทาฝั่งไทยไม่สามารถสมคบคิดกับแก๊งอาชญากรข้ามชาติได้อย่างง่ายดายอีกต่อไป เพราะเสี่ยงผิดกฎหมาย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ หากไปพูดคุยกับคนเหล่านี้แบบฉันมิตรเหมือนที่ผ่านมาก็อาจจะผิดกฎหมายไปด้วย
“การออกหมายจับเป็นการแยกสิ่งชั่วร้ายออกไป แต่เป็นเรื่องน่าเสียดาย ไม่รู้ว่าเกิดความผิดพลาดอย่างไร อัยการจึงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้จนไม่สามารถทำให้ออกหมายจับได้สำเร็จ” รังสิมันต์กล่าว
รังสิมันต์ระบุด้วยว่า หลายประเทศมอง พ.อ. หม่อง ชิต ตู่ เป็นผู้ก่อการร้าย มีการคว่ำบาตรและ ติ่ง วิน แต่เป็นไปได้อย่างไรที่ประเทศไทยไม่รับรู้เรื่องอย่างนี้เลย เป็นเรื่องที่รับไม่ได้และขอเรียกร้องให้กระบวนการยุติธรรมเอาจริงเอาจัง ถ้าเราไม่อยากให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับมาอีกแล้ว เราจำเป็นต้องปราบปรามโครงสร้างอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
“หม่อง ชิต ตู่ คือผู้คุมความลับหลายอย่าง เขาเคยบอกว่าถ้าเขาเป็นอะไรคนอื่นก็ไม่รอดด้วย ถ้าเราไม่ดำเนินการอย่างจริงจังกับ หม่อง ชิต ตู่ หมายความว่าอะไร หรือถ้าเราเจอตอหรือทุนสีเทาของประเทศที่มีอิทธิพลใหญ่กว่ากฎหมาย หม่อง ชิต ตู่ ก็รู้ว่าข้อมูลเหล่านี้จะทำให้เขารอดได้ ถ้ารัฐบาลนี้อยากทำให้กฎหมายเป็นกฎหมาย และเอาจริงกับการปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ มีทางเลือกเดียวคือเราต้องดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุดกับ หม่อง ชิต ตู่ หลายประเทศคว่ำบาตร หม่อง ชิต ตู่ แต่ประเทศไทยกลับบอกหลักฐานไม่เพียงพอ ตนเองมองว่าเป็นเรื่องที่ตลกมาก” รังสิมันต์ระบุ
เตือนนายกฯ-รมว.ยุติธรรม เร่งออกหมายจับ
รังสิมันต์ระบุว่า นอกจากนี้ยังต้องดูเรื่องการฟอกเงินด้วย หาก พ.อ. หม่อง ชิต ตู่ มีทรัพย์สินในประเทศไทย และรัฐบาลไทยปล่อยไว้ให้เกิดการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน เจ้าหน้าที่รัฐคนใดจะรับผิดชอบ และอาจมีเรื่องยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จึงอยากใช้โอกาสนี้กระตุ้นเตือนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แม้วันนี้เห็นความพยายามในการตัดกระแสไฟฟ้าและอื่นๆ แต่ต้องเร่งออกหมายจับเพื่อทำลายโครงสร้าง
รังสิมันต์ระบุอีกว่า ขบวนการเหล่านี้จะใหญ่โตไม่ได้เลย ถ้าไม่มีคนช่วย นอกจากนี้ได้รับข้อมูลมาว่ามีการส่งน้ำมันไปยังเมียนมาเข้ามาจากเส้นทางอันดามัน จึงได้แจ้งผู้บัญชาการภาคที่ 9 ว่ามีข่าวแบบนี้ ซึ่งท่านก็ได้ยินทำนองเดียวกัน ซึ่งจะต้องติดตามว่ามีจริงหรือไม่และมีความพยายามในการป้องกันหรือไม่ คิดว่าทุกภาคส่วนต้องกระตือรือร้น เพราะบางส่วนก็มีข่าวว่าเมเนเจอร์ทุนจีนเทาได้หลบหนีไปยังจังหวัดเชียงใหม่แล้ว พร้อมย้ำว่าทุกภาคส่วนต้องตื่นตัวเพราะนี่เป็นวาระแห่งชาติ