วันนี้ (11 กุมภาพันธ์) คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยของผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-banks) ภายใต้โครงการ ‘คุณสู้ เราช่วย’ คาดว่า มีลูกหนี้ของ Non-banks ‘เข้าข่าย’ ได้รับความช่วยเหลือประมาณ 1.7 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดคงค้างประมาณ 50,000 ล้านบาท โดยโครงการ ‘คุณสู้ เราช่วย’ ลูกหนี้ Non-bank จะดำเนินผ่าน 2 มาตรการย่อย ดังนี้
มาตรการที่ 1 ‘ลดผ่อน ลดดอก’
เป็นการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยด้วยการลดภาระค่างวดและภาระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 ปี สำหรับ
(1) สินเชื่อวงเงินผ่อนชำระ (installment loan) ได้แก่ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลและสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ (นาโนไฟแนนซ์) โดยให้ชำระค่างวดขั้นต่ำที่ 70% ของค่างวดเดิม
(2) สินเชื่อวงเงินหมุนเวียน (revolving credit) ได้แก่ สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันประเภทบัตรกดเงินสด โดยให้แปลงเป็นสินเชื่อแบบผ่อนชำระรายเดือน ชำระค่างวดไม่ต่ำกว่า 2% ของยอดคงค้างสินเชื่อก่อนทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ตามมาตรการ
โดยลูกหนี้จะได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 10% จากอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาเดิม
เปิดหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการ ‘ลดผ่อน ลดดอก’
- ลูกหนี้สินเชื่อรถยนต์วงเงินไม่เกิน 800,000 บาท
- ลูกหนี้สินเชื่อรถจักรยานยนต์วงเงินไม่เกิน 50,000 บาท
- ลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มีวงเงินรวมไม่เกิน 200,000 บาท
- สินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลที่มีวงเงินรวมไม่เกิน 20,000 บาท
- สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ที่มีวงเงินรวมไม่เกิน 50,000 บาท
เปิดคุณสมบัติลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการ ‘ลดผ่อน ลดดอก’ ได้
- สินเชื่อที่ทำสัญญาก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567 ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 มีสถานะบัญชี ค้างชำระเกิน 30 วัน แต่ไม่เกิน 365 วัน
- เคยปรับโครงสร้างหนี้ (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 จากการค้างชำระเกิน 30 วัน) แต่ปัจจุบัน ต้องไม่ค้างชำระหรือค้างไม่เกิน 30 วัน
เงื่อนไขเข้าร่วมมาตรการ ‘ลดผ่อน ลดดอก’
- ไม่สามารถกู้ยืมเงินใหม่ได้ ในช่วง 12 เดือนแรก
- หากไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ Non-banks จะเรียกเก็บดอกเบี้ยที่ลดให้ในช่วงที่ลูกหนี้อยู่ในโครงการ คืนบางส่วน
มาตรการที่ 2 ‘จ่าย ปิด จบ’
เป็นการช่วยลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้รายย่อยที่เป็นหนี้เสีย (สถานะ NPL) และมียอดคงค้างหนี้ไม่สูง (ไม่เกิน 5,000 บาท) ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรน โดยลูกหนี้จะชำระหนี้บางส่วนเพื่อให้สามารถปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น ทำให้ลูกหนี้สามารถเริ่มต้นใหม่ได้
หนี้ที่เข้าร่วม ‘จ่าย ปิด จบ’ ได้
หนี้บุคคลธรรมดา ที่อยู่ภายใต้การกำกับของแบงก์ชาติ ได้แก่ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ และสินเชื่อบัตรเครดิต
ลูกค้าที่เข้าร่วม ‘จ่าย ปิด จบ’ ได้
- มียอดคงค้างหนี้ไม่เกิน 5,000 บาท
- มีสถานะ NPL หรือค้างชำระเกิน 90 วัน ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567
เปิดชื่อ Non-banks ที่เข้าร่วม ได้แก่
- บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)
- บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวว่า เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการ Non-banks ให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้รายย่อยตามมาตรการที่กำหนด กระทรวงการคลังได้จัดทำโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) สำหรับผู้ประกอบธุรกิจ Non-banks ของธนาคารออมสิน วงเงินรวม 50,000 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 3 ปี
โดยกำหนดให้วงเงินสินเชื่อของ Non-banks ต่อรายสูงสุดไม่เกิน 5,000 ล้านบาท และวงเงินสินเชื่อแต่ละรายขึ้นอยู่กับปริมาณการสูญเสียรายได้ของ Non-banks แต่ละแห่ง ที่เกิดจากการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้
นอกจากนี้ รัฐบาลจะชดเชยต้นทุนเงินให้กับธนาคารออมสินในอัตรา 2.00% ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 3,000 ล้านบาท เพื่อส่งผ่านความช่วยเหลือจากภาครัฐไปยังลูกหนี้รายย่อยของ Non-banks ซึ่งการชดเชยเงินของรัฐบาลให้แก่ออมสินครั้งนี้มาจากมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ
โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า “ปัจจุบัน มี Non-banks เพียง 2 รายที่พร้อมเข้าร่วมโครงการฯ แต่ก็ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากกว่า 50% แล้ว ส่วน Non-banks รายอื่นๆ ปัจจุบัน อยู่ในระหว่างการพูดคุยให้เข้าร่วมโครงการมากขึ้น ซึ่งทางแบงก์ชาติก็ช่วยประสานงานและเจรจาให้ด้วย โดย (รัฐบาล) ก็อยากให้มี Non-banks เข้าร่วมมากขึ้น เนื่องจากโครงการนี้เป็นประโยชน์กับประชาชนและลูกหนี้ จึงอยากเชิญชวนให้เข้ามาร่วมเถอะ รัฐบาลก็ช่วยเต็มที่แล้ว”
อ้างอิง:
