×

สรุปอนาคตไฟฟ้าไทย ถูก เขียว เสรี ได้จริงไหม?

โดย THE STANDARD TEAM
22.01.2025
  • LOADING...

เมื่อไม่นานมานี้ ทักษิณ ชินวัตร ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย ออกมาประกาศว่าจะทุบค่าไฟเหลือ 3.70 บาทภายในปีนี้ ถือเป็นการเปิดประเด็นใหญ่ที่ประชาชนจากหลายภาคส่วนพากันตั้งคำถามว่าจะทำได้จริงไหม แล้วถ้าทำได้จริงจะทำได้อย่างไรภายใต้โครงสร้างราคาไฟฟ้าของประเทศไทยในปัจจุบัน ภายใต้แผนไฟฟ้าแห่งชาติ หรือแผน PDP 2024

 

🟡 การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและบทบาทของ PDP 2024

 

เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น รัฐบาลไทยกำลังหารือถึงแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า หรือ PDP 2024 ซึ่งเป็นแผนระยะยาว 20 ปี ที่จะกำหนดทิศทางการใช้ไฟฟ้าของประเทศ แผนดังกล่าวมีความสำคัญต่อทั้งเศรษฐกิจ การลงทุน และสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นตัวกำหนดว่าประเทศไทยจะผลิตและใช้พลังงานอย่างไรในอนาคต โดยมุ่งเน้นให้เกิดการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล และส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน

 

🟡 ทำไมต้องเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาด?

 

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ประเทศไทยต้องเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดคือต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น ปัจจุบันค่าไฟของไทยอยู่ที่ประมาณ 4.18 บาทต่อหน่วย ซึ่งสูงกว่าเพื่อนบ้านบางประเทศ การพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างก๊าซธรรมชาติและถ่านหินซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด เป็นเหตุให้ราคาค่าไฟไม่คงที่และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ซึ่งค่าไฟอาจสูงถึง 7 บาทต่อหน่วย ถ้าหากนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG มาใช้ในอนาคต

 

อีกทั้งพลังงานสีเขียวกำลังเป็นที่ต้องการจากภาคอุตสาหกรรมและนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งมีแนวโน้มเลือกตั้งโรงงานหรือขยายธุรกิจในประเทศที่สามารถจัดหาพลังงานสะอาดให้ได้

 

นอกจากนี้ การใช้พลังงานสะอาดยังเป็นส่วนสำคัญในการบรรลุเป้าหมาย Net Zero ที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังเร่งดำเนินการอยู่ ซึ่งหมายถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ ประเทศไทยก็ประกาศเป้าหมายนี้เช่นกัน และหากเรายังคงใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลในสัดส่วนสูง จะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว

 

🟡 โครงสร้างพลังงานไฟฟ้าของไทยในปัจจุบัน

 

ปัจจุบันพลังงานไฟฟ้าของไทยยังคงพึ่งพาก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก โดยมีโครงสร้างแหล่งพลังงานดังนี้

 

🔺 59% จากก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักของประเทศ

🔺 19% จากถ่านหินและลิกไนต์ ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง

🔺 11% จากพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และชีวมวล

🔺 ส่วนที่เหลือจากพลังงานน้ำและพลังงานนำเข้า

 

แม้ว่าจะมีการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนขึ้นมา แต่สัดส่วนของเชื้อเพลิงฟอสซิลยังคงสูง และต้องพึ่งพาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีต้นทุนที่ไม่แน่นอนและราคาผันผวน

 

🟡 แล้วทำไมค่าไฟไทยถูกกว่านี้ไม่ได้?

 

โครงสร้างค่าไฟฟ้าของไทยถูกกำหนดโดยองค์ประกอบหลัก 3 ส่วน ได้แก่ ต้นทุนการผลิต (Generation Cost), ต้นทุนการส่งไฟฟ้า (Transmission Cost) และต้นทุนการจำหน่าย (Distribution Cost) ในจำนวนนี้ ต้นทุนการผลิตมีสัดส่วนสูงสุด คิดเป็น 70-80% ของค่าไฟทั้งหมด ปัจจัยที่ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูง ได้แก่ การพึ่งพาเชื้อเพลิงนำเข้า โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ซึ่งมีราคาผันผวนและต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

 

ด้าน อารีพร อัศวินพงศ์พันธ์ นักวิชาการด้านนโยบายพลังงานจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ระบุว่า ประเทศไทยมีการคาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงเกินจริงตลอด 28 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดการลงทุนในโรงไฟฟ้าจำนวนมากเกินความจำเป็น ซึ่งส่งผลให้รัฐต้องจ่าย ‘ค่าความพร้อมจ่าย’ ให้กับโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้เดินเครื่อง แต่ยังต้องรับภาระค่าบำรุงรักษาและต้นทุนการดำเนินงาน ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้ถูกส่งต่อมายังผู้บริโภคผ่านค่าไฟฟ้า

 

อีกปัจจัยสำคัญคือโครงสร้างตลาดพลังงานของไทยยังคงเป็นระบบ Single Buyer Model ซึ่งหมายความว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้ซื้อไฟฟ้ารายใหญ่เพียงรายเดียว และมีอำนาจกำหนดราคาซื้อจากผู้ผลิตเอกชน การขาดการแข่งขันทำให้ต้นทุนไม่สามารถถูกลงได้มากกว่านี้

 

🟡 แล้วไฟฟ้าไทยควรเดินหน้าอย่างไรต่อ

 

  1. เปิดเสรีตลาดพลังงานไฟฟ้า 

 

🔺 โดยปัจจุบันภาคเอกชนยังไม่สามารถขายไฟฟ้าให้กับผู้ใช้ปลายทางได้โดยตรง หากสามารถเปิดโอกาสให้เอกชนผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้เอง จะช่วยลดการพึ่งพาระบบ Single Buyer และสร้างการแข่งขันในตลาด

 

  1. ปรับปรุงการคาดการณ์ความต้องการไฟฟ้าให้แม่นยำขึ้น 

 

🔺 ลดการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่เกินความจำเป็น ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าความพร้อมจ่ายที่เป็นต้นทุนแฝงในค่าไฟฟ้า

 

  1. เพิ่มการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน 

 

🔺 พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมเป็นแหล่งพลังงานต้นทุนต่ำในระยะยาว รัฐควรสนับสนุนให้มีการลงทุนในเทคโนโลยีกักเก็บพลังงาน (Battery Storage) เพื่อให้พลังงานหมุนเวียนสามารถใช้งานได้อย่างมีเสถียรภาพ

 

  1. ปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าให้เป็นธรรม

 

🔺 ลดต้นทุนการจัดส่งและจำหน่ายไฟฟ้า โดยพิจารณาค่าธรรมเนียมการใช้สายส่งที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง

 

🟡 เหรียญอีกด้านของการเปิดไฟฟ้าเสรี

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการเปิดเสรีพลังงานไฟฟ้าจะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีฝ่ายที่กังวลว่าอาจทำให้เกิดปัญหาด้านความมั่นคงของระบบไฟฟ้าและต้นทุนที่สูงขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่าน ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการเปิดเสรีให้เหตุผลว่า 

 

การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนในการบริหารจัดการพลังงาน โดยเฉพาะในช่วงที่พลังงานหมุนเวียนยังไม่มีความเสถียรมากพอ แถมภาครัฐอาจต้องเข้ามาอุดหนุนค่าไฟให้กับผู้บริโภคในระยะเริ่มต้น ซึ่งอาจเป็นภาระทางการคลัง

 

นอกจากนี้ การเปิดเสรีอาจทำให้เกิดผู้เล่นรายใหม่ที่ไม่สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดีเท่าผู้ผลิตรายใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลต่อเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า

 

ทั้งนี้ ประเทศไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายในการลดค่าไฟ เนื่องจากโครงสร้างตลาดพลังงานที่จำกัดการแข่งขันและต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น การเปิดเสรีพลังงานไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่อาจช่วยลดต้นทุนและเพิ่มการแข่งขัน แต่ต้องมีการวางแผนที่รอบคอบ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่าน ในท้ายที่สุด ผู้บริโภคควรได้รับประโยชน์จากค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรม ควบคู่ไปกับความมั่นคงของระบบพลังงานไฟฟ้าในระยะยาว

 

รับชมคลิปฉบับเต็มได้ที่:

https://youtu.be/X_ls3sKmnAc

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising