ชนมาศ ศาสนนันทน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและการบัญชี บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. (PTTEP) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ (ตลท.) ว่า บริษัทขอแจ้งแผนการดำเนินงานประจำปี 2568 ของ PTTEP ภายใต้แผนกลยุทธ์ Drive-Decarbonize-Diversify เพื่อขับเคลื่อนและเพิ่มมูลค่าธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593 รวมถึงขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจใหม่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) โดยจัดสรรงบประมาณประจำปี 2568 รวมทั้งสิ้น 7,819 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกอบด้วย รายจ่ายลงทุน (Capital Expenditure) 5,299 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และรายจ่ายดำเนินงาน (Operating Expenditure) 2,520 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยเป้าหมายการดำเนินงานของบริษัทในปี 2568 ยังคงมุ่งเน้นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศไทย ควบคู่ไปกับการสร้างความแข็งแกร่งและขยายการลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในต่างประเทศ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยให้ความสำคัญกับแผนงานหลัก ดังนี้
- เพิ่มปริมาณการผลิตปิโตรเลียมจากโครงการปัจจุบัน โครงการผลิตหลักที่สำคัญ เพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางพลังงานของประเทศไทย ได้แก่ โครงการจี 1/61 (แหล่งเอราวัณ), โครงการจี 2/61 (แหล่งบงกช), โครงการอาทิตย์, โครงการเอส 1, โครงการคอนแทร็ค 4, โครงการพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย, โครงการซอติก้า และโครงการยาดานาในประเทศเมียนมา ที่มีการนำก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้เข้ามาใช้ในประเทศไทย
อีกทั้งโครงการผลิตหลักในต่างประเทศที่สำคัญ เช่น โครงการในประเทศมาเลเซียและโอมาน โดยจัดสรรรายจ่ายลงทุน 3,676 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีแผนงานสำหรับกิจกรรมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 โดยครอบคลุม Scope 1 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง และ Scope 2 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงานในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ที่ ปตท.สผ. เป็นผู้ดำเนินการ (Operational Control) พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายระหว่างทาง (Interim Target) ในการลดปริมาณความเข้มของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas Emission Intensity) จากปีฐาน 2563 ให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 และร้อยละ 50 ภายในปี 2573 และ 2583 ตามลำดับ โดยตั้งงบประมาณสำหรับกิจกรรมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2568 ทั้งสิ้น 77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- เร่งผลักดันโครงการหลักที่อยู่ในระยะพัฒนา (Development Phase) ได้แก่ โครงการสัมปทานกาชา, โครงการอาบูดาบี ออฟชอร์ 2, โครงการโมซัมบิก แอเรีย วัน และโครงการพัฒนาในประเทศมาเลเซีย เช่น โครงการมาเลเซีย เอสเค405บี, โครงการมาเลเซีย เอสเค417 และโครงการมาเลเซีย เอสเค438 ให้สามารถเริ่มการผลิตได้ตามแผนงาน โดยจัดสรรรายจ่ายลงทุนเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,464 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- เร่งดำเนินการสำรวจในโครงการปัจจุบัน ทั้งโครงการที่อยู่ในระยะสำรวจ โครงการในระยะพัฒนา รวมถึงโครงการที่ดำเนินการผลิตแล้ว เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว โดยจัดสรรรายจ่ายลงทุน 127 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับการเจาะหลุมสำรวจและประเมินผลของโครงการในประเทศไทย มาเลเซีย และเมียนมา ทั้งงบประมาณ 5 ปี (ปี 2568-2572) ที่ได้จัดสรรไว้เพื่อรองรับการดำเนินงานตามแผนงานข้างต้น มีรายละเอียดดังนี้
จากแผนงานและการจัดสรรงบประมาณดังกล่าว ปตท.สผ. คาดการณ์ปริมาณขายปิโตรเลียมในปี 2568-2572 จากโครงการปัจจุบัน ดังรายละเอียดต่อไปนี้
ปตท.สผ. ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยเริ่มดำเนินการขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน จึงสำรองงบประมาณ 5 ปี (ปี 2568-2572) เพิ่มเติมจากงบประมาณข้างต้นอีก 1,747 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อรองรับการขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานลมนอกชายฝั่ง, ธุรกิจดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS as a Service), ธุรกิจเชื้อเพลิงไฮโดรเจน และธุรกิจและเทคโนโลยีผ่านบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานในรูปแบบ Corporate Venture Capital (CVC) ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมขององค์กรในช่วงการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำในอนาคต พร้อมกับการดูแลสังคมและชุมชนโดยรอบพื้นที่ปฏิบัติการของบริษัท เพื่อสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายต่อไป