×

3 ล้านครัวเรือนไทยเสี่ยงติดหล่ม ‘รายได้ไม่พอรายจ่าย’ ใน 5 ปีข้างหน้า SCB EIC แนะแก้ปัญหาของลูกหนี้แต่ละกลุ่มอย่างครบวงจร

14.12.2024
  • LOADING...

ปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นปัญหาสำคัญที่อยู่คู่เศรษฐกิจไทยมานานและถูกพูดถึงมากตั้งแต่เกิดโควิด โดยเฉพาะแนวนโยบายช่วยเหลือลูกหนี้ ที่ผ่านมาแม้ว่าทุกภาคส่วนพยายามออกมาตรการแก้หนี้เพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหา
แต่สัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยต่อ GDP ยังคงลดลงช้า อยู่ในระดับสูงเกือบ 90% สะท้อนประสิทธิผลของแนวนโยบาย
ที่อาจยังเพิ่มความครอบคลุมได้มากขึ้นตามความต้องการที่แตกต่างกันของลูกหนี้เฉพาะกลุ่ม

 

สัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยต่อ GDP ในไตรมาส 2/67 แม้จะปรับลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี แต่กลับเป็นผลจากสินเชื่อภาคครัวเรือนที่ลดลงมากเป็นสำคัญ ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการปล่อยสินเชื่อใหม่ของสถาบันการเงินที่เข้มงวดขึ้น ตามความกังวลคุณภาพสินเชื่อและความสามารถในการชำระหนี้ที่ด้อยลงแม้จะมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

 

โดย SCB EIC ประเมินว่า ปัญหาคุณภาพสินเชื่อรายย่อยทั้งระบบที่แย่ลงและปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยมีแนวโน้มจะคลี่คลายได้ช้าในระยะข้างหน้า ท่ามกลางมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อรายย่อยของสถาบันการเงินที่คาดว่าจะยังมีทิศทางเข้มงวดต่อเนื่อง

 

โดยพบสาเหตุข้อเท็จจริงผ่านการวิเคราะห์ฐานข้อมูลลูกหนี้รายย่อยของเครดิตบูโรตลอดช่วงเวลาตั้งแต่เกิดโควิดจนถึงสิ้นปี 2566 ดังนี้

 

  1. ลูกหนี้บุคคล NPL มากกว่า 70% ยังไม่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้อย่างสม่ำเสมอ
  2. ลูกหนี้บุคคล SM ราว 70-80% มีโอกาสจะกลายเป็น NPL โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อการเกษตร สินเชื่อส่วนบุคคล หนี้บัตรเครดิต และสินเชื่ออื่น
  3. แม้ลูกหนี้บุคคล NPL ส่วนหนึ่งได้รับความช่วยเหลือผ่านมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ไปบ้างแล้ว แต่สัดส่วนที่ลูกหนี้กลุ่มนี้กลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติยังค่อนข้างต่ำมาก ทั้งในกลุ่มเจ้าหนี้ Bank และ Non-Bank คิดเป็นเพียง 8.2% และ 6.4% ตามลำดับ

 

แนวโน้มปัญหาหนี้ครัวเรือนที่น่าจะคลี่คลายได้ช้าสอดคล้องกับผลสำรวจ SCB EIC Consumer Survey 2567 ซึ่งพบว่ากลุ่มคนมีหนี้ที่รายได้น้อยยังมีปัญหาหลัก 3 ด้าน คือ

 

  1. มีปัญหารายได้ไม่พอรายจ่ายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมีปัญหาหนี้สินสะสมเนื่องจากค้างชำระหนี้บ่อยและจ่ายแค่ขั้นต่ำ โดยเฉพาะผู้มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งพบว่าสัดส่วนมากกว่า 80% ที่มีปัญหารายได้ไม่พอจ่ายและมีพฤติกรรมจ่ายหนี้ไม่สม่ำเสมอในกลุ่มนี้ยังรวมถึงผู้ที่จ่ายชำระหนี้สม่ำเสมอแต่จ่ายได้แค่ขั้นต่ำด้วย
  2. มีปัญหาหนี้นอกระบบหรือหนี้ที่มีดอกเบี้ยผิดนัดแพง ส่วนใหญ่จะมีพฤติกรรมเลือกคืนหนี้ที่ค้างชำระนานสุดก่อนหรือหนี้ที่เจ้าหนี้ติดตามทวงถามมากสุดก่อน
  3. มีปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อมากกว่ากลุ่มอื่น พบว่ามากกว่า 60% ของคนมีหนี้รายได้น้อยที่มีปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อและเกือบครึ่งหนึ่งไม่สามารถกู้เงินในระบบได้เลย คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ยังไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือจากภาครัฐหรือสถาบันการเงินได้ เพราะไม่เข้าเงื่อนไข

 

มองไปในระยะ 5 ปีข้างหน้า SCB EIC ประเมินว่า 1 ใน 3 ของครัวเรือนไทยที่มีหนี้จะยังไม่หลุดพ้นจากปัญหารายได้ไม่พอรายจ่าย โดยเฉพาะครัวเรือนรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของครัวเรือนที่มีหนี้ (หรือราว 3 ล้านครัวเรือน)

 

อย่างไรก็ดี SCB EIC ประเมินว่ายังมีลูกหนี้กลุ่มที่มีศักยภาพที่มีปัญหาการชำระหนี้ชั่วคราว แต่จะสามารถกลับมาคืนหนี้ได้เป็นปกติหากได้รับความช่วยเหลือทางการเงินเพิ่มเติมได้ทันเวลา

 

แนวทางแก้หนี้ครัวเรือนไทยอย่างยั่งยืนจึงควรปรับให้ตรงกับปัญหาของลูกหนี้แต่ละกลุ่มอย่างครบวงจรและสร้างแรงจูงใจปรับพฤติกรรมให้กลับมาคืนหนี้ได้ดังนี้

 

  1. กลุ่มที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ ‘ให้เข้าถึง’ ด้วยการดึงลูกหนี้นอกระบบเข้าสู่ในระบบผ่าน Risk-Based Pricing หรือการกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของลูกหนี้เพื่อให้เจ้าหนี้ในระบบสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ได้วงกว้างมากขึ้น การพัฒนาระบบสินเชื่อด้วยข้อมูลทางเลือก (Alternative Data) เพื่อช่วยประเมินความน่าเชื่อถือของผู้กู้เพิ่มเติม การเพิ่มรายได้ผ่านการเสริมทักษะหรือเปลี่ยนอาชีพ และการเสริมสร้างความรู้ทางการเงิน เน้นพฤติกรรมที่ดีในการก่อหนี้และการจัดลำดับการชำระหนี้

 

  1. กลุ่มที่ได้รับความช่วยเหลือแต่ยังไม่ฟื้นตัว ‘ให้เริ่มฟื้น’ ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาวให้ครอบคลุมขึ้น การเพิ่มรายได้ผ่านการเสริมทักษะหรือเปลี่ยนอาชีพ รวมถึงการติดตามและให้คำปรึกษาทางการเงินเชิงรุก

 

  1. กลุ่มที่ได้รับความช่วยเหลือและมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ ‘ให้ฟื้นต่อ’ ด้วยการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการฟื้นตัวในรูปแบบสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อขยายโอกาสทางเศรษฐกิจและอาชีพ การเสริมสร้างความรู้ทางการเงิน เน้นสร้างวินัยทางการเงินและการส่งเสริมการออม โดยภาครัฐสนับสนุนเงินออมสมทบตามสัดส่วนเพื่อสร้างนิสัยการออมระยะยาว

 

  1. กลุ่มที่มีความสามารถในการชำระหนี้ ‘ให้มั่นคง’ ด้วยการป้องกันความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ผ่านการติดตามสถานะลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง การสร้างแรงจูงใจทางการเงินให้ชำระคืนหนี้ล่วงหน้า ตลอดจนช่วยสร้างพฤติกรรมที่ดีส่งเสริมวินัยการออมระยะยาวเพื่อเพิ่มการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีผลตอบแทนเพียงพอต่อค่าครองชีพที่สูงขึ้น

 

นอกจากนี้เพื่อให้ลูกหนี้ทุกกลุ่มสามารถ ‘จ่ายครบ จบหนี้’ ได้อย่างยั่งยืน ควรมีแนวทางช่วยเหลือที่ครอบคลุมลูกหนี้ทุกกลุ่มเพิ่มเติม ต่อยอดจากมาตรการเฉพาะกลุ่มข้างต้น ได้แก่

 

  1. ขยายความครอบคลุมมาตรการปรับโครงสร้างหนี้แบบร่วมจ่าย (Copayment) ระหว่างภาครัฐและเจ้าหนี้ในระบบแบบ Risk Sharing ให้ครอบคลุมทั้งลูกหนี้ Bank (รวม SFIs) และ Non-Bank ทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง รวมถึงเพิ่มแรงจูงใจให้ลูกหนี้อยากปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันผลักดันความครอบคลุมเพิ่มเติมบางส่วนแล้ว ในระยะต่อไปอาจพิจารณาแนวทางขยายความครอบคลุมให้กลุ่มลูกหนี้เปราะบางที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือได้อีกในอนาคต เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดหนี้ในภาคครัวเรือนไทย

 

  1. การสร้างฐานข้อมูลกลางสำหรับลูกหนี้โดยใช้เทคโนโลยีในการเก็บข้อมูลและติดตามสถานะลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถปรับมาตรการช่วยเหลือได้เหมาะสมและทันการณ์

 

SCBEIC

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X