×

ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ เตือน เศรษฐกิจปีหน้ามีความไม่แน่นอนสูง! ย้ำยึดหลัก Robust Policy และ Outlook Dependent

03.12.2024
  • LOADING...
เศรษฐกิจปีหน้า

ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ เตือนว่าเศรษฐกิจปีหน้ามีความไม่แน่นอนสูง ดังนั้น ธปท. จึงจะดำเนินนโยบายการเงินแบบยืดหยุ่น รองรับได้หลายสถานการณ์ (Robust Policy) พร้อมยึดหลักการประเมินความเสี่ยงในระยะข้างหน้า (Outlook Dependent) 

 

วันนี้ (3 ธันวาคม) ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย​ (ธปท.) กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา หัวข้อ Thailand Next Move 2025 ซึ่งจัดโดยวารสารการเงินธนาคาร โดยเตือนว่า เศรษฐกิจปีหน้า (ปี 2025) จะเผชิญกับความไม่แน่นอนสูงและอาจนำไปสู่ผลข้างเคียงที่คาดไม่ถึง (Unintended Consequences) ดังนั้น ธปท. จึงจะดำเนินนโยบายการเงินแบบยืดหยุ่น รองรับได้หลายสถานการณ์ (Robust Policy)

 

โดยให้ความสำคัญกับเสถียรภาพและรักษาทางเลือกในการดำเนินนโยบายต่างๆ ไว้ พร้อมๆ กับการใช้เครื่องมือแบบผสมผสาน (Integrated Policy Framework) กล่าวคือ การใช้ดอกเบี้ยนโยบายเสริมหรือควบคู่ไปกับนโยบายอื่นๆ

 

ดร.เศรษฐพุฒิ ยกตัวอย่างผลข้างเคียงที่คาดไม่ถึง (Unintended Consequences) ที่เศรษฐกิจไทยเผชิญในปีที่ผ่านมาคือ ภาวะการค้าและการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศจะมีความแตกแยกออกจากกันมากขึ้น (Geoeconomic Fragmentation) ควบคู่ไปกับภาวะที่เศรษฐกิจจีนโตช้า ทำให้จีนส่งออกสินค้ามาไทยมากขึ้น หรือทำให้ไทยนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

 

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเผชิญกับภาวะที่การผลิตและการบริโภคของไทยเริ่มแยกตัวออกจากกันมากขึ้น กล่าวคือแม้การบริโภคในประเทศจะโตต่อเนื่อง แต่การผลิตแทบไม่โต

 

Screenshot

 

ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ย้ำว่า ภาวะดังกล่าวสะท้อนกลับมาว่าปัญหาเศรษฐกิจมาจากฝั่งอุปทาน (Supply) ค่อนข้างเยอะ มากกว่าฝั่งอุปสงค์ (Demand) พร้อมเตือนว่าการกระตุ้นแต่การบริโภคขณะที่การผลิตสินค้าไม่โตหรือโตไม่ดีเท่าที่ควร อาจทำให้ไทยนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มขึ้นอีก

 

โดยการนำเข้าสินค้าจากจีนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงรถ EV จากจีน กระทบต่อเรื่องอื่นๆ ด้วย รวมถึงสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่หดตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้ (1Q24)

 

ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ประเมิน ‘ความเสี่ยง’ ที่อาจจะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว

 

อย่างไรก็ตาม ดร.เศรษฐพุฒิ กล่าวว่า มีบางเหตุการณ์ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้นสูงท่ามกลางความไม่แน่นอนต่างๆ ได้แก่

 

– การค้าและการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศจะมีความแตกแยกออกจากกันมากขึ้น (Geoeconomic Fragmentation) ซึ่งแม้เหตุการณ์ดังกล่าวจะยังดูไม่ออกอย่างชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นเร็วและแรงมากแค่ไหน ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายต่างๆ ที่กำลังจะมา แต่การค้าโลกน่าจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน กล่าวคือสัดส่วนการค้าโลกต่อการเติบโตของ GDP โลกน่าจะลดลง

 

– นโยบายต่างๆ ของเศรษฐกิจประเทศหลักจะมีความไม่ไปในทางเดียวกันมากขึ้น รวมถึงนโยบายการเงิน ซึ่งต่างจากช่วงโควิดที่นโยบายต่างๆ มักจะไปในทางเดียวกัน อาทิ การลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นโยบายการเงินในประเทศหลักมีความเร็วแตกต่างกัน เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่างๆ ไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างเช่น เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่โตได้ดีกว่าตลาดอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ

 

ดร.เศรษฐพุฒิ ยังคาดด้วยว่า ภายใต้การบริหารของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คงจะมีการใช้นโยบายขึ้นภาษีศุลกากร (Tariff) ซึ่งย่อมจะมีผลกระทบต่อการค้า อย่างไรก็ตาม ดร.เศรษฐพุฒิ เชื่อว่าอัตราภาษีนำเข้าอาจเพิ่มขึ้นไม่สูงมากเท่าที่ประกาศออกมา 

 

นอกจากนี้สหรัฐฯ ก็อาจจะลดภาษีในประเทศต่างๆ ซึ่งคงนำไปสู่การขาดดุลการคลัง พร้อมๆ กับการเนรเทศ (Deportation) ผู้ลักลอบเข้าเมือง

 

ดร.เศรษฐพุฒิ มองว่านโยบายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาสูงขึ้น และอาจทำให้อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ เข้าสู่เป้าได้ยากขึ้น ทำให้แนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยอาจไม่ได้เป็นดังที่คาดการณ์ไว้

 

ย้ำ ธปท. ยึดหลัก Outlook Dependent

 

ด้วยความไม่แน่นอนต่างๆ ดร.เศรษฐพุฒิ ยืนยันว่า ธปท. ยึดหลักดำเนินนโยบายแบบประเมินความเสี่ยงในระยะข้างหน้า (Outlook Dependent) ควบคู่กับหลักประเมินความเสี่ยงจากข้อมูลล่าสุด (Data Dependent) แต่จะเน้นพิจารณาดู Outlook มากกว่า Data เนื่องจากข้อมูลต่างๆ มีความผันผวนและความไม่แน่นอน (Noise) มากกว่า ดังนั้นหากการตัดสินใจโดยพึ่งพาแต่ Data ก็อาจจะทำให้นโยบายขาดเสถียรภาพและอาจเพิ่มความไม่แน่นอนไปอีกด้วยซ้ำ

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X