กพช. ไฟเขียวกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนอนุรักษ์พลังงานน้ำมัน เริ่ม 1 ธันวาคมนี้ พร้อมโอนภารกิจให้กระทรวงการคลังวางมาตรการ-จัดสรรงบปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับปิโตรเลียม เร่งกระทรวงพลังงานปรับปรุงหลักเกณฑ์รับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด เดินหน้าแผนซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบซื้อขายพลังงานไฟฟ้าโดยตรง หรือ Direct PPA
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมี แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พิจารณาการกำหนดอัตราการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำในราชอาณาจักร และน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักร และก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่ใช้เป็นก๊าซหุงต้มหรือก๊าซไฮโดรคาร์บอนเหลว พ.ศ. 2567 เนื่องจากเดิมจะครบกำหนดในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบ ดังนี้
- จัดเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักรในอัตรา 0.05 บาทต่อลิตร
- ก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่ใช้เป็นก๊าซหุงต้มหรือก๊าซไฮโดรคาร์บอนเหลวในอัตรา 0.00 บาทต่อกิโลกรัม
โดยเริ่มใช้วันที่ 1 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป
พีระพันธุ์กล่าวอีกว่า ที่ประชุมเห็นชอบข้อเสนอที่ให้กระทรวงพลังงานเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทบทวนมติการปรับองค์กรในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับปิโตรเลียม โดยให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบดูแลงานด้านการกำหนดนโยบาย เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ นายกฯ กล่าวถึงแนวนโยบายเกี่ยวกับการขับเคลื่อนพลังงานสะอาดอีกว่า ขอให้กระทรวงพลังงานเร่งดำเนินการตามแผน และสั่งการให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เร่งปรับปรุงหลักเกณฑ์การคัดเลือกและการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) รัฐบาลต้องการให้มีราคาพร้อมในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ด้วย