ผมมักจะเรียกร้องอะไรจากตัวเองมากมาย ผมเกลียดการทำผิดพลาด ผมกดดันตัวเองทุกสุดสัปดาห์ ถ้าคุณอยากคว้าแชมป์ คุณต้องไม่ปล่อยให้ผลงานแย่ๆ เกิดขึ้น
แพสชันของ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ที่เขาแสดงออกมานั้นมีมากกว่าคำพูดด้านบน เพราะมันคือสิ่งที่ผลักดันให้เขาก้าวสู่แชมป์โลกสมัยที่ 4 และยังทำให้เขาเป็น 1 ใน 6 นักขับ F1 ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ร่วมกับนักขับระดับตำนานอีกหลายคน ทั้ง มิชาเอล ชูมัคเกอร์, ลูอิส แฮมิลตัน, ฮวน มานูเอล ฟานจิโอ, อาแล็ง พรอสต์ และ เซบาสเตียน เวทเทล อีกด้วย
แต่ฤดูกาล 2024 นี้ไม่ใช่ฤดูกาลที่ง่ายเลยสำหรับเขา และเขาต้องผ่านความยากลำบากมา ซึ่งอาจจะท้าทายที่สุดในแชมป์ 3 สมัยหลังสุด
แต่นั่นก็เป็นบทพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่านักแข่งชาวดัตช์จากทีมเรดบูล เรซซิง คนนี้คู่ควรสำหรับแชมป์โลกสมัยที่ 4 ครั้งนี้มากมายแค่ไหน
พรมแดงบนทางลูกรัง
ช่วงก่อนเริ่มฤดูกาล 2024 มีเรื่องน่าปวดเศียรเวียนเกล้าสำหรับแฟนๆ ของเรดบูล เรซซิง ลามไปถึงทีม หรือแม้กระทั่งผู้บริหาร นั่นคือข่าวการ ‘ล้ำเส้น’ ของ คริสเตียน ฮอร์เนอร์ บอสของทีมที่มีข่าวว่าประพฤติตนไม่เหมาะสมกับพนักงานหญิงของทีม
ข่าวดังกล่าวทำให้ทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบหลังจบฤดูกาล 2023 ของเรดบูล เรซซิง กลายเป็นทางลูกรังในทันที เพราะมันทำให้เกิดรอยร้าวขึ้นภายในทีม
2 คนสำคัญที่ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของฮอร์เนอร์ คือ เอเดรียน นิวอี หัวหน้าวิศวกร และ จอส เวอร์สแตพเพน พ่อของ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ว่าที่นักขับแชมป์โลก 4 สมัย
แม้หลังจากนั้นทีมเรดบูลจะออกมาเทกแอ็กชันด้วยการตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อสอบสวนพฤติกรรมของฮอร์เนอร์ แต่สุดท้ายผลของการสืบสวนก็ยืนยันให้เขารอดจากการถูกปลดจากตำแหน่ง
แต่การที่มีเขาทำงานต่อนั้นทำให้ เอเดรียน นิวอี นักออกแบบรถที่ดีที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของฟอร์มูลาวันไม่พอใจอย่างมาก และสุดท้ายเขาก็ได้ยื่นหนังสือลาออก ก่อนไปรับงานใหม่กับทีมแอสตัน มาร์ติน
ขณะที่ จอส เวอร์สแตพเพน ก็กลายเป็นเครื่องด่าเดินได้ และหาโอกาสโจมตี คริสเตียน ฮอร์เนอร์ ทุกครั้งที่มีโอกาส แถมเขาก็ออกมายืนยันว่าความสัมพันธ์ที่ดีของเขากับทีมบอสเรดบูลจบลงโดยสมบูรณ์แล้วในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
นั่นคือเรื่องราวดราม่าต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงต้นฤดูกาลกับทีมเรดบูล เรซซิง แต่เมื่อตัดภาพกลับมาในสนาม ทีมแชมป์โลกเมื่อปีก่อน โดยเฉพาะนักขับแชมป์โลกอย่างแม็กซ์ กลับทำผลงานได้ยอดเยี่ยมอย่างเหลือเชื่อ
เขาคว้าแชมป์ 5 จาก 7 สนามแรก และขึ้นโพเดียมถึง 6 สนาม พร้อมเก็บคะแนนนำโด่งในตอนนั้น โดยมีถึง 161 คะแนน นำอันดับ 2 ในตอนนั้นอย่าง ชาร์ลส์ เลอแคลร์ นักขับโมนาโก จากเฟอร์รารี อยู่ถึง 48 คะแนน
ขณะที่อันดับ 3 ก็เป็นเพื่อนร่วมทีมชาวเม็กซิกันอย่าง เซร์คิโอ เปเรซ ที่มี 107 คะแนน และคู่แข่งแย่งแชมป์กับแม็กซ์ในฤดูกาลนี้อย่าง แลนโด นอร์ริส นักขับสหราชอาณาจักร จากแม็คลาเรน ในตอนนั้นรั้งอันดับที่ 4 มีเพียง 101 คะแนนเท่านั้น
และหลังจากจบศึกสแปนิชกรังด์ปรีซ์ หลายคนก็เริ่มมั่นใจว่าแชมป์ฤดูกาล 2024 จะเป็นของเรดบูลอย่างง่ายดายอีกครั้ง เมื่อแม็กซ์ขยับไปมี 219 คะแนน นำหน้านอร์ริสที่ขยับขึ้นมารั้งอันดับที่ 2 ด้วยการมี 150 คะแนน ห่างถึง 69 คะแนน
โดยแม็กซ์เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ภายในทีมว่า “ไม่เป็นไรหรอก พวกเขารู้ตัวดีว่าต้องทำอะไร พวกเขารู้ว่าตัวเองมีค่าแค่ไหนสำหรับทีม และพวกเขารู้ว่าพวกเขามีความสำคัญเพียงใดต่อความสำเร็จในปัจจุบัน รวมถึงรถด้วย พวกเราก็แค่ต้องทำงานกันต่อไป”
ในตอนนั้นแม็กซ์ก็ทำผลงานของตัวเองได้ดีเหลือเกิน และนั่นกลายมาเป็นต้นทุนสำคัญในการคว้าแชมป์ฤดูกาลนี้ในบั้นปลาย เพราะหลังจากนั้นเมื่อพรมแดงสุดทาง และพวกเขาสัมผัสกับลูกรังโดยตรงแล้ว หลายๆ อย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
10 เรซไร้ชัยกับความกดดันใหม่ที่ชื่อว่า แลนโด นอร์ริส
แม้จะบอกว่าให้ก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป แต่อาจจะดูเหมือนไม่เพียงพอ เพราะหลังจากจบศึกสแปนิชกรังด์ปรีซ์ ไปจนถึงเม็กซิโกซิตี้กรังด์ปรีซ์ กลายเป็นว่า แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน หาชัยชนะไม่เจออีกเลย
อันที่จริงจะพูดถึงแค่ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน คนเดียวก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะ เซร์คิโอ เปเรซ เพื่อนร่วมทีมของเขาอาการหนักกว่า โดยตลอดช่วงเวลาเดียวกัน เชโก้ไม่สามารถขึ้นโพเดียมได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
โดยเวอร์สแตพเพนในช่วงเวลานั้นถึงกับยอมรับว่าเขาไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงแล้ว และไม่เข้าใจว่าทำไมคู่แข่งถึงเร็วกว่าเขาตลอดเวลาในช่วงนั้น
“เราพยายามอย่างเต็มที่เสมอ แต่เราก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคนอื่นๆ ถึงทำได้เร็วมากในการแข่งขัน” เขากล่าว “ผมพยายามหลายอย่างเพื่อปรับปรุงรถเสมอ”
แม้แม็กซ์จะพูดว่าเขาไม่เข้าใจ แต่นักวิเคราะห์และแฟนๆ เชื่อไปในทิศทางเดียวกันว่า การก้าวออกจากทีมไปของชายผู้มองเห็นสายลมอย่าง เอเดรียน นิวอี ส่งผลอย่างรุนแรงต่อการทดสอบรถในหลายๆ รอบ และการไม่มีเขาในทีมทำให้สมรรถนะของรถ RB20 ดรอปลงไป
ระหว่างการคลำหาปัญหาของเรดบูลตลอด 10 เรซดังกล่าว เปิดโอกาสให้ แลนโด นอร์ริส นักขับสหราชอาณาจักรของแม็คลาเรน ค่อยๆ ก้าวเข้ามาสู่ทำเนียบการลุ้นแชมป์มากขึ้นเรื่อยๆ
จากช่องว่างห่างจากเวอร์สแตพเพน 69 คะแนนหลังจบเรซที่สเปน นอร์ริสค่อยๆ ลดมันลงมาเรื่อยๆ จนเหลือ 47 คะแนนหลังจากจบเม็กซิโกซิตี้กรังด์ปรีซ์ ซึ่งนี่เป็นช่องว่างที่น้อยที่สุดในรอบ 3 ปีหลังจากที่นักขับชาวดัตช์ต้องเผชิญเมื่อเรซเข้าสู่ช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการแข่งขัน
อันที่จริงแลนโดมีโอกาสลดช่องว่างได้มากกว่านี้ แต่น่าเสียดายที่เขามีความผิดพลาดในบางครั้งและตัดสินใจบางอย่างได้ไม่ดีพอ แต่ถึงอย่างนั้นการเหลือ 4 สนามสุดท้าย กับช่องว่างเพียง 47 คะแนน ก็เพียงพอให้การแข่งขันน่าตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง
แต่เหมือนโชคยังดีสำหรับทีมเรดบูล ที่หลังจากพยายามอย่างหนัก พวกเขาก็กลับมาอยู่ในเส้นทางที่ควรจะเป็น เมื่อสามารถแก้ปัญหาเรื่องความเร็วรถได้สำเร็จ และในเวลาที่พอดีกัน แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ก็กลับมาเป็นแชมป์โลกที่เรารู้จักได้ถูกเวลาพอดี
การกลับมาอันยิ่งใหญ่ในเซาเปาโลกรังด์ปรีซ์
“เป็นอีกครั้งที่เราตัดสินใจได้ถูกต้อง เราใจเย็น และเดินหน้าเมื่อจำเป็น เรามีความสุขอย่างเหลือเชื่อกับวันนี้ พูดตามตรงมันบ้ามาก ผมไม่เคยคาดคิดว่าจะขึ้นจากอันดับที่ 17 ไปสู่อันดับที่ 1 ผมหวังว่าจะได้คะแนนดีๆ แต่นี่มันบ้าสุดๆ”
คำว่า เหลือเชื่อ, บ้าบอ, สุดยอด, น่าประทับใจ หรืออะไรทำนองนี้มีให้เห็นผ่านโลกออนไลน์เต็มไปหมด หลังจากเรซที่เซาเปาโลจบลง คำยกย่องที่ออกมาจากสื่อมวลชนที่พาดหัวความยอดเยี่ยมของเวอร์สแตพเพนกับทีมเรดบูลหลังจบเรซก็มีให้เห็นมากมายเช่นกัน
แม็กซ์โชว์ฝีมือการขับรถที่เหนือชั้นซึ่งเราไม่ได้เห็นมาร่วมปีออกมาอีกครั้ง หลังจากต้องสตาร์ทในอันดับที่ 17 ขึ้นมาคว้าแชมป์สนามนี้ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
สิ่งที่ตอกย้ำว่าเขายอดเยี่ยมขนาดไหนคือการที่เขาไล่แซงคู่แข่งมากมายในสนาม ทั้งที่สภาพสนามแทบไม่เอื้ออำนวยต่อการแข่งขัน เพราะมีฝนตกลงมาทั้งก่อนและระหว่างการแข่งขัน
แต่ถึงอย่างนั้นทีมวิศวกรของเรดบูลก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขายังคงยอดเยี่ยม หลังปรับจูนรถที่แฟนๆ มองว่า ‘ไล่ใครไม่ทัน’ ให้สามารถ ‘ไล่แซง’ รถคันอื่นได้เกือบทั้งสนาม
หัวใจสำคัญของการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของแม็กซ์และเรดบูลในเรซนี้คือการยอมโดนปรับกริดสตาร์ท 5 อันดับ เพื่อแลกกับการเปลี่ยนเครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engine: ICE) ใหม่ แม้จะใช้โควตาการเปลี่ยน ICE เกินจำนวนจำกัดที่กำหนดไว้สำหรับปีนี้ไปแล้ว
การตัดสินใจในครั้งนี้ทำให้รถของแม็กซ์อยู่ในสภาพที่ยอดเยี่ยมอีกครั้ง และเขาก็สามารถใช้มันได้อย่างเต็มศักยภาพจนคว้าแชมป์ในสนามนี้มาได้
การคว้าชัยในเซาเปาโลมีความหมายมากกว่าแค่การเพิ่มความมั่นใจให้กับเขาและทีม เพราะมันยังเป็นการพลิกโมเมนตัม หลังจากโดน แลนโด นอร์ริส ไล่บี้อยู่ฝั่งเดียวในช่วงหลัง กลายมาเป็นผู้กำหนดชะตากรรมตัวเอง
ชัยชนะที่เซาเปาโลทำให้แม็กซ์มีโอกาสคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 4 ได้ในสนามต่อไปอย่างลาสเวกัสกรังด์ปรีซ์ และเงื่อนเขาของเขาแม้จะมีหลายข้อ แต่สรุปได้อย่างง่ายๆ ว่า ‘แค่จบอันดับเหนือกว่าแลนโด’ ก็เพียงพอ
แชมป์สมัยที่ 4 และความท้าทายกับการป้องกันชัยสมัยหน้า
ผลลัพธ์หลังลาสเวกัสกรังด์ปรีซ์เป็นไปตามที่ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน และเรดบูลคาดหวัง เขาจบอันดับที่ 5 ในการขับที่เห็นๆ กันว่า ‘ไม่เสี่ยงโดยไม่จำเป็น’ อย่างชัดเจน และ แลนโด นอร์ริส จบอันดับ 6 ทำให้แชมป์โลกในฤดูกาล 2024 เป็นของแม็กซ์อีกสมัย
แต่ถึงอย่างนั้นเส้นทางของแม็กซ์ในฤดูกาลหน้าอาจจะต้องเจอกับสิ่งที่ท้าทายกว่าที่เจอในตอนนี้ก็เป็นได้
รถ RB21 ที่กำลังพัฒนาเพื่อใช้ในการแข่งขันฤดูกาลหน้า จะเป็นรถคันแรกของทีมที่ไม่มี เอเดรียน นิวอี คอยดูแล และในทางกลับกัน เขาจะคอยดูแลการพัฒนาให้กับแอสตัน มาร์ติน ซึ่งหมายความว่าทีมจากอังกฤษทีมนี้จะกลายเป็นอีกหนึ่งคู่แข่งที่น่ากลัวของแม็กซ์
ไม่ใช่แค่แอสตัน มาร์ติน เท่านั้น แม็คลาเรนก็ยังคงจะเป็นคู่แข่งสำคัญของแม็กซ์และทีมเรดบูล ทั้งในประเภทบุคคลและประเภททีมผู้ผลิตอย่างไม่ต้องสงสัย
ขณะที่อีกหนึ่งทีมที่น่ากลัวคือเฟอร์รารี ที่จะมี ชาร์ลส์ เลอแคลร์ คู่กับแชมป์โลก 7 สมัยอย่าง ลูอิส แฮมิลตัน ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อกันว่า ‘ม้าลำพอง’ จะคืนชีพได้อย่างเต็มตัวในปี 2025
รวมไปถึงเมอร์เซเดสที่กลายเป็นทีมเลือดใหม่เต็มตัว โดยมี จอร์จ รัสเซลล์ คู่กับ อันเดรีย อันโตเนลลี นักขับดาวรุ่งชาวอิตาลี
ดังนั้นการป้องกันแชมป์โลกสมัยหน้าของเวอร์สแตพเพนต้องเป็นงานที่ท้าทายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่นั่นก็อาจจะนำมาซึ่งกำไรของผู้ชมอย่างเราๆ ท่านๆ ที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน
อ้างอิง:
- https://www.redbull.com/us-en/theredbulletin/max-verstappen-red-bull-racing-f1-season
- https://www.formula1.com/en/latest/article/the-four-time-world-champions-verstappen-joins-in-the-all-time-list-and.DIIOvqAthyjnqsyOrzMon
- https://www.flashscore.com/news/motorsport-formula-1-the-road-to-the-title-how-max-verstappen-became-a-formula-1-world-champion-again/UmnWzkA4/
- https://www.bbc.com/sport/formula1/articles/ckgde4q1pe5o
- https://www.bbc.com/sport/formula1/articles/cj4vknj92jpo
- https://www.theguardian.com/sport/2024/nov/24/how-max-verstappen-overcame-an-undriveable-monster-to-win-fourth-world-title-f1
- https://racingnews365.com/jos-verstappen-im-all-done-with-horner
- https://www.formula1.com/en/latest/article/verstappen-responds-to-questions-on-future-after-neweys-red-bull-departure.532cedFHCwDMbg2WUlmVFf
- https://racingnews365.com/verstappen-shares-f1-shortcoming-that-baffled-red-bull