วันนี้ (15 พฤศจิกายน) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปปราศรัยหาเสียงว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยจะได้ สส. กว่า 200 ที่นั่ง เป็นสิ่งที่ผู้สมัครทุกคนต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำให้ประชาชนเชื่อถือมากที่สุด และคนนั้นก็จะได้เข้ามาเป็นผู้แทนราษฎร การที่แต่ละพรรคตั้งเป้าหมายถือเป็นการเตรียมพร้อมที่ดี
เมื่อถามถึงพรรคภูมิใจไทยที่ดูกระแสเงียบ ทำให้ประชาชนไปโฟกัสที่พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน อนุทินกล่าวว่า ขอไปทำงานดีกว่า เรื่องการเมืองไม่มีอะไรก็ขออย่าให้มันมี สส. พรรคภูมิใจไทย ทุกคนก็ลงพื้นที่ ในส่วนที่เป็นคณะรัฐมนตรีก็ทำงานอย่างเต็มที่
อนุทินยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยจะไม่ส่งผู้สมัครนายก อบจ. ในนามพรรค แต่หากเป็นพรรคเป็นพวกกันจะไปเชียร์ก็เป็นไปตามอัธยาศัย ส่วนตนจะมีโอกาสขึ้นเวทีไปปราศรัยเพื่อช่วยผู้สมัครคนใดหรือไม่นั้น ขอไปศึกษากฎหมายก่อน เนื่องจากตนเองเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และสั่งการให้ออกประกาศให้ข้าราชการที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายวางตัวเป็นกลาง และการสมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นถ้าไม่ได้สมัครในนามพรรคภูมิใจไทย ถ้าจะขึ้นเวทีตนต้องเป็นผู้ช่วยหาเสียง ต้องเสีย 300 บาท คงไม่ต้องถึงขนาดนั้น ต้องทำตัวเป็นผู้คุมเกมและผู้คุมกฎให้เรียบร้อย ให้การเลือกตั้งผ่านพ้นไปด้วยดีและเกิดความราบรื่นดีกว่า
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ชินวัตร ส่งผลถึงรัฐบาลหรือไม่ เนื่องจากมีคนจ้องจะร้องเรียน อนุทินกล่าวว่าจะไปร้องสุ่มสี่สุ่มห้าก็ไม่ได้ เพราะเชื่อมั่นว่าก่อนที่คณะทำงานของพรรคเพื่อไทยจะเชิญทักษิณไปช่วยหาเสียงต้องตรวจสอบกฎระเบียบต่างๆ ไว้อย่างรัดกุมอยู่แล้ว ซึ่งคนระดับทักษิณถ้าจะขึ้นเวทีได้ไม่ใช่แค่คิดว่าอยากไปวันนี้ก็ไป มองว่าต้องวางแผนและเช็กระเบียบข้อบังคับไว้อย่างดี เป็นไปตามกฎหมาย ขออย่ามองว่าใครทำได้ ใครทำไม่ได้ คนไทยทุกคนมีสิทธิ์ที่จะอาสามารับใช้บ้านเมืองภายใต้กฎหมายและรัฐธรรมนูญ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การปราศรัยของทักษิณพาดพิงไปถึง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ว่าที่ไม่สามารถร่วมรัฐบาลได้เนื่องจากติดเงื่อนไขมาตรา 112 อนุทินกล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้อยู่ในการร่วมรัฐบาลตอนต้น หลังเลือกตั้งเมื่อครั้งที่พรรคก้าวไกลประกาศตัวเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งตรงนั้นไม่มีพรรคภูมิใจไทยอยู่ จึงไม่ทราบว่ามีเงื่อนไขหรือสิ่งใดที่ต้องตกลงกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทักษิณและธนาธรจะส่งผลให้ในอนาคตสามารถร่วมงานกันได้หรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ทุกคนมีความคิดและมีแนวคิดที่แตกต่างกันได้ แต่คงไม่ใช่เรื่องการโกรธแค้นหรือเกลียดชังกันเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องบ้านเมืองจะเอาความรู้สึกส่วนตัวมาเป็นหลักของการตัดสินใจไม่ได้ ต้องเอาเรื่องของบ้านเมืองเป็นหลักก่อน ใครคิดอย่างไรไม่รู้ แต่ตนคิดอย่างนี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาล อนุทินกล่าวว่าน่าจะเป็นหลังปีใหม่ เพราะบ่อยไปก็ไม่ดี ไม่มีอะไรจะคุยกัน หลังสภาเปิดช่วงเดือนมกราคมน่าจะมีอะไรพูดคุยกัน จะได้ถือโอกาสนำไปหารือกัน