×

เปิดตำราการ ‘สร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก’ ด้วยการสร้าง ‘คน’ ที่ขับเคลื่อนองค์กรของ ‘ลอรีอัล กรุ๊ป’ [ADVERTORIAL]

โดย THE STANDARD TEAM
08.11.2024
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • L’Oréal Group (ลอรีอัล กรุ๊ป) องค์กรระดับโลกที่มีจุดยืนเรื่องความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและปฏิบัติตามเป้าหมายด้านสังคมด้วยการเป็นบริษัทที่มี ‘คน’ เป็นพลังขับเคลื่อนในการพัฒนาเพื่อผู้คนมาหลายทศวรรษ
  • แกนสำคัญในการสร้าง ‘คน’ ของลอรีอัลต้องเริ่มต้นจากการให้ความสำคัญในเรื่องความหลากหลาย ความเท่าเทียม และความไม่แบ่งแยก หรือ DE&I (Diversity, Equity & Inclusion) หยิบยื่นโอกาสในการทำงานให้กับคนทุกวัยโดยไร้ข้อจำกัด มอบพลังให้กับกลุ่มที่เปราะบาง ไม่ว่าจะผู้หญิง ผู้สูงวัย ผู้พิการ และการสร้างงานให้คนรุ่นใหม่

นิยาม ‘ความยั่งยืน’ ในมุมมองขององค์กรระดับโลกต่อจากนี้กำลังเปลี่ยนไป แทนที่จะจำกัดกรอบความยั่งยืนไว้ด้วยแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับสังคม สิ่งแวดล้อม ไปพร้อมๆ กับการสร้างผลกำไร แต่จะหันมาให้ความสำคัญกับ ‘คน’ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของพลังขับเคลื่อนในทุกๆ สิ่ง

 

หนึ่งในองค์กรระดับโลกที่มีจุดยืนเรื่องความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและปฏิบัติตามเป้าหมายด้านสังคมด้วยการเป็นบริษัทที่มี ‘คน’ เป็นพลังขับเคลื่อนในการพัฒนาเพื่อผู้คนมาหลายทศวรรษก็คือ L’Oréal Group (ลอรีอัล กรุ๊ป)

 

ในฐานะบริษัทความงามชั้นนำระดับโลกจากฝรั่งเศสที่มีอายุยาวนาน 115 ปี ที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์ดังในเครือ 37 แบรนด์ อย่าง L’Oréal Paris, Garnier, YSL Beauty, La Roche-Posay และแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย นอกจากเป้าหมายหลักที่ต้องการ ‘สร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก’ (Create the Beauty that Moves the World) ซึ่งเป็นเหมือนเข็มทิศในการดำเนินธุรกิจ ลอรีอัล กรุ๊ป ยังเชื่อว่า ‘คน’ คือพลังสำคัญที่จะขับเคลื่อนความยั่งยืนขององค์กร

 

 

แนวคิดที่ว่านี้กลายเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกันของทุกแบรนด์ในเครือลอรีอัล รวมไปถึง ‘ลอรีอัล กรุ๊ป ประเทศไทย’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในลอรีอัล กรุ๊ป ที่นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ระดับสากล ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อุปโภค ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง ผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ และผลิตภัณฑ์เวชสำอาง โดยมีแบรนด์ในเครือมากถึง 13 แบรนด์ดัง เช่น Garnier, Maybelline New York, Lancôme, Kiehl’s, Shu Uemura, YSL Beauty, La Roche-Posay และ Kérastase

 

นอกจากเป้าหมายด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมที่ลอรีอัลมีการกำหนดเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (Science Based Targets) เพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินงานขององค์กรเคารพใน ‘ขีดจำกัดความปลอดภัยของโลก’ (Planetary Boundaries) หรือขีดจำกัดที่โลกสามารถรับไหว ซึ่งกำหนดโดยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมตั้งแต่การทำงานต้นน้ำถึงปลายน้ำของการผลิตผลิตภัณฑ์

 

จุดมุ่งหมายที่ทุกแบรนด์ในเครือลอรีอัลมุ่งไปคือการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้สังคมและสิ่งแวดล้อมผ่านการใช้ ‘คน’ เป็นพลังขับเคลื่อนโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ด้วยความเชื่อที่ว่าความงามงอกเงยขึ้นจากการสร้างพลังให้ผู้คน จึงเป็นเหตุผลที่ลอรีอัล กรุ๊ป ทุ่มเทสร้างบรรยากาศให้พนักงานทุกคนได้เติบโต คิดค้นสิ่งใหม่ๆ และสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกให้โลกสวยงามขึ้นจากการทำงานในบทบาทต่างๆ

 

ทว่าแกนสำคัญในการสร้าง ‘คน’ ของลอรีอัลต้องเริ่มต้นจากการให้ความสำคัญในเรื่องความหลากหลาย ความเท่าเทียม และความไม่แบ่งแยก หรือ DE&I (Diversity, Equity & Inclusion) หยิบยื่นโอกาสในการทำงานให้กับคนทุกวัยโดยไร้ข้อจำกัด มอบพลังให้กับกลุ่มที่เปราะบาง ไม่ว่าจะผู้หญิง ผู้สูงวัย ผู้พิการ และการสร้างงานให้คนรุ่นใหม่

 

เพราะสังคมที่ดีคือสังคมที่ทุกคนสามารถอยู่อย่างปลอดภัยและเท่าเทียม

 

หัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของลอรีอัลคือ ‘การส่งเสริมความหลากหลายและการไม่แบ่งแยก’ สะท้อนผ่านความหลากหลายทางวัฒนธรรม พื้นเพ และประสบการณ์ของลูกค้าทั่วโลก รวมถึงความพยายามในการสร้างทีมที่เปิดรับทุกประสบการณ์ชีวิตและภูมิหลัง เพื่อเสริมพลังความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และความสำเร็จทางธุรกิจ ผ่านการจัดหลักสูตรอบรมเรื่องอคติโดยไม่รู้ตัว การเป็นผู้นำที่เปิดกว้าง และการตั้งกลุ่มพนักงานที่สนับสนุนความหลากหลายในแง่มุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเพศ เชื้อชาติ อายุ และอัตลักษณ์ LGBTQIA+ เพื่อส่งเสริมการไม่แบ่งแยกในที่ทำงาน

 

แนวทางดังกล่าวถูกนำไปปฏิบัติในทุกประเทศที่ลอรีอัลทำธุรกิจ โดยปรับให้เข้ากับบริบทท้องถิ่น เพื่อให้เกิดผลลัพธ์และมีความหมายในวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน โดยยึดเกาะบน 4 แกนหลัก ได้แก่

 

  • เพศสภาพ และ LGBTQIA+ ลอรีอัลต้องการสร้างความเท่าเทียมทางเพศในทุกๆ ระดับและแผนกของบริษัท เพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นแก่กลุ่ม LGBTQIA+ ทุกที่ทั่วโลก และเพื่อมีส่วนร่วมในการต่อต้านการเลือกปฏิบัติหรือความรุนแรงทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคุกคามทางเพศและความรุนแรงบนฐานเพศสภาพ

 

  • ภาวะทุพพลภาพ เพื่อไม่ให้เกิดการแบ่งแยกต่อผู้พิการภายในบริษัท บริษัทได้มีการกำหนดจำนวนผู้พิการที่จะรับเข้าทำงานในทุกประเทศ นอกจากนี้ยังปรับใช้แนวทางการไม่แบ่งแยกกับผู้บริโภค ซัพพลายเออร์ และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

 

  • ช่วงอายุและช่วงวัย เพราะเป้าหมายของลอรีอัลคือการส่งเสริมให้เกิดบทสนทนาและความร่วมมือในหมู่เพื่อนพนักงานที่มาจากช่วงวัยที่ต่างกัน ตั้งแต่ระดับผู้บริหารไปจนถึงผู้ที่พึ่งจบการศึกษา

 

  • สถานะทางเศรษฐกิจ สังคม และความหลากหลายของชาติพันธุ์ โดยมุ่งความสนใจไปที่ความหลากหลายในการรับผู้สมัคร เพื่อเพิ่มความหลากหลายในด้านภูมิหลังทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมในทุกๆ ทีมของบริษัท สร้างความมั่นใจในโอกาสที่เท่าเทียมกันในการพัฒนาด้านอาชีพ และสร้างความตระหนักรู้ให้กับพนักงานและผู้บริหารในเรื่องนี้

 

เพราะความหลากหลายและความเสมอภาคไม่ใช่แค่การทำตามกฎหมายหรือจริยธรรม แต่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของนวัตกรรมและความสำเร็จในวงการความงามระดับโลก สอดคล้องไปกับภารกิจของลอรีอัลที่ต้องการก้าวเป็นผู้นำในด้านความงามที่ครอบคลุมทุกกลุ่ม และส่งเสริมให้เกิดสังคมที่ทุกคนสามารถอยู่อย่างปลอดภัยและเท่าเทียม

 

สำหรับประเทศไทย ลอรีอัลยึดมั่นในหลักการของความเท่าเทียม เสมอภาค และไม่แบ่งแยก ตั้งแต่ขั้นตอนการคัดเลือกบุคลากรเปิดกว้างที่ไม่มีการระบุเพศสภาพในการสมัคร เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะได้รับการพิจารณาบนพื้นฐานความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ และความเหมาะสมในตำแหน่งงานอย่างแท้จริง และเมื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญในการสนับสนุนให้พนักงานได้แสดงออกถึงความเป็นตัวเองและมีความมั่นใจอย่างเต็มที่

 

ในส่วนของสวัสดิการ ทันทีที่ประเทศไทยมีการประกาศผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม ลอรีอัลได้ขยายขอบเขตสิทธิประโยชน์ของพนักงานให้ครอบคลุมถึงคู่รักเพศเดียวกัน เช่น สิทธิในการลาคลอดสำหรับบิดา (Paternity Leave) จำนวน 42 วัน ที่ปรับเป็น ‘Secondary Parental Leave’ สำหรับคู่สมรสเพศเดียวกัน รวมไปถึงสิทธิลาคลอดอย่าง Maternity Leave หรือ First Parental Leave ที่ครอบคลุมถึงการอุปการะบุตรของคู่รักเพศเดียวกันด้วยเช่นกัน

 

ในระดับของแบรนด์ มีหลากหลายโครงการที่สนับสนุนความหลากหลายทางเพศ เช่น ‘Open Doors’ โครงการที่เกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนเยาวชนกลุ่ม LGBTQIA+ ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงโอกาส โดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของตัวเอง และมอบโอกาสในการพัฒนาศักยภาพและทักษะทั้งฮาร์ดสกิลและซอฟต์สกิล รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจให้กับกลุ่มเยาวชนผู้มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งเป็นโครงการภายใต้แบรนด์ Kiehl’s ที่สานต่อปณิธานจากเจ้าของแบรนด์ที่คอยสนับสนุนกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศและเยาวชนมาตั้งแต่ปี 1851

 

 

ประตูแห่งโอกาสสำหรับคนรุ่นใหม่ ด้วยโอกาสในการทำงานกว่า 25,000 โอกาสทุกปี

 

วิกฤตเศรษฐกิจและสังคมหลังโควิดก่อให้เกิดปัญหาว่างงานกับคนรุ่นใหม่ ลอรีอัล กรุ๊ป จึงผุดโครงการระดับโลก L’Oréal For Youth (L4Y) เพื่อแก้ปัญหาว่างงานของคนรุ่นใหม่ ซึ่งปัญหาหลักที่ลอรีอัล กรุ๊ป มองเห็นคือการศึกษาในระบบและตลาดแรงงานยังมีช่องว่าง โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้ศึกษาในสถาบันการศึกษาชั้นนำ การยกระดับทักษะให้กับคนรุ่นใหม่ได้ใช้ศักยภาพของตนเองให้ตอบรับกับโลกที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งจึงมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มโอกาสที่จะได้รับการว่าจ้าง

 

โครงการ L’Oréal For Youth (L4Y) จะสร้างโอกาสที่เท่าเทียมในการเรียนและการทำงานให้กับเยาวชน เพื่อเชื่อมช่องว่างระหว่างสิ่งที่เรียนในห้องเรียนกับการทำงานจริง ผ่านการเสริมความรู้ ให้คำแนะนำ และสร้างเครือข่ายที่จำเป็นให้กับเยาวชนจากทุกภูมิหลัง เพื่อให้พวกเขาประสบความสำเร็จในการทำงาน

 

ในปี 2023 โครงการ L’Oréal For Youth สร้างโอกาสในการทำงานกว่า 25,000 โอกาสให้กับผู้ที่มีอายุไม่เกิน 30 ปี และมีคนรุ่นใหม่กว่า 100,000 คนได้ประโยชน์จากกิจกรรมต่างๆ เช่น โครงการฝึกงาน, โครงการเล่าเรียนควบคู่กับการทำงาน, โครงการผู้ฝึกงานด้านการบริหาร, L’Oréal SeedZ, ตำแหน่งในโครงการ VIE และโอกาสเรียนรู้จากการทำงานแบบอื่นๆ

 

นอกจากโครงการ L’Oréal For Youth ที่ได้สร้างแรงบันดาลใจและผลักดันให้เกิดความร่วมมือกับบริษัทอื่นๆ องค์กรไม่แสวงผลกำไร และภาครัฐทั่วโลก ในปี 2021 ลอรีอัลได้ร่วมเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งโครงการที่ใหญ่ที่สุดเพื่อคนรุ่นใหม่อย่าง ‘Global Alliance for Youth’ และเข้าร่วมเป็นบอร์ดของ GAN Global พันธมิตรระหว่างภาคธุรกิจ รัฐบาล และองค์กรระหว่างประเทศ ซึ่งทำงานเพื่อผลักดันการเรียนรู้ผ่านการทำงาน ช่วยให้คนรุ่นใหม่มีโอกาสได้รับการจ้างงานมากขึ้น

 

 

‘L’Oréal For All Generations’ สร้างการทำงานร่วมกันของคนทุกวัย

 

อีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่ตอกย้ำว่าลอรีอัลเป็นบริษัทระดับโลกที่ให้ความสำคัญกับ ‘คน’ ก็คือการเปิดกว้างให้ทุกคนมีที่ยืน ไม่ว่าจะอายุเท่าใดหรือมีประสบการณ์มากน้อยเพียงใด ที่ลอรีอัลทั่วโลก พนักงาน 15% ของบริษัท หรือกว่า 13,000 คน มีอายุมากกว่า 50 ปี และเป็นครั้งแรกที่มีคน 4 รุ่นทำงานร่วมกัน

 

ลอรีอัลมีโครงการ ‘L’Oréal For All Generations’ ที่เน้นให้คนทุกรุ่นสามารถทำงานด้วยกันได้ และช่วยให้ทุกคนมีงานทำ สนับสนุนพนักงานตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาจนถึงวันเกษียณ เพื่อทำให้ลอรีอัลเป็นบริษัทสำหรับคนทุกรุ่น ด้วยกิจกรรม Generation Days โดยยึด 5 แกน ได้แก่

 

  • ส่งเสริมความหลากหลายระหว่างวัย: ตั้งเป้าเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อพนักงานอาวุโส ผ่านบทเรียนออนไลน์ในหัวข้อเรื่องระหว่างวัยและอายุให้เรียนทั่วโลก

 

  • ปรับกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพและสุขภาวะในที่ทำงาน: ในฝรั่งเศสมีบริการประเมินและให้คำแนะนำด้านการป้องกันโรคแบบครบวงจรสำหรับพนักงานที่มีอายุเกิน 50 ปีทุกคน โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพคอยช่วยเหลือ ส่วนในจีนมีการนำเสนอแผนป้องกันสุขภาพและคุ้มครองครอบครัวในงาน Generation Days นอกจากนี้ลอรีอัลยังโปรโมตงานวันสตรีวัยทอง (Menopause Day) ในฝรั่งเศส โปรตุเกส เยอรมนี และสหราชอาณาจักร

 

  • พัฒนาโอกาสสำหรับการมีงานทำตลอดชีวิตการทำงาน: พนักงานทุกวัยได้เรียนรู้และก้าวหน้าในสายอาชีพ เช่น การสอนทักษะดิจิทัลพื้นฐานให้พนักงานทุกคนในโรงงานและศูนย์กระจายสินค้า

 

  • ช่วยให้การเกษียณเป็นไปอย่างราบรื่น: ฝรั่งเศสมีการจัดสัมมนาพิเศษให้พนักงานอาวุโสได้เตรียมตัว ส่วนจีนมีโครงการดูแลสุขภาพจิตเพื่อสนับสนุนในหลายแง่มุมหรือสถานการณ์ของชีวิต รวมถึงการเกษียณ

 

  • เปิดทางให้พนักงานได้ทำอะไรใหม่ๆ หลังจากที่ไม่ได้ทำงานกับลอรีอัล: พนักงานที่มีประสบการณ์ยาวนานสามารถรักษาความสัมพันธ์กับบริษัทต่อไปผ่านกลุ่มพนักงานเดิม ด้วยเครือข่ายอดีตพนักงานเกษียณและอดีตพนักงานศิษย์เก่าลอรีอัล

 

การขับเคลื่อนพันธสัญญาด้านความยั่งยืนทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และผู้คน ในแบบลอรีอัล กรุ๊ป ที่เล่ามาข้างต้น ตอกย้ำว่าได้อย่างชัดเจนว่าลอรีอัลเป็นบริษัทระดับโลกที่ไม่เพียง ‘สร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก’ เท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับ ‘คน’ ที่หลากหลายด้วยความเท่าเทียมและไม่แบ่งแยก ไปจนถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนให้ทุกคนกล้าเป็นตัวเอง กล้าแสดงความคิดเห็น มีความสุข มีพลังในการทำงาน สมแล้วที่เป็นบริษัทความงามระดับโลกที่ครองใจผู้บริโภคได้อย่างยาวนาน

 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising