วอร์เรน บัฟเฟตต์ เจ้าพ่อแห่งการลงทุนยังคงเดินหน้าเทขายหุ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ Berkshire Hathaway บริษัทโฮลดิ้งยักษ์ใหญ่ของเขา มีเงินสดสะสมพุ่งทะลุ 3 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 10.2 ล้านล้านบาท) เป็นที่เรียบร้อยแล้วในไตรมาสที่ 3 ของปี 2024
รายงานผลประกอบการล่าสุดเผยให้เห็นว่า Berkshire Hathaway มียอดเงินสดสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 3.252 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 11.05 ล้านล้านบาท) ณ สิ้นเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นจาก 2.769 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 9.41 ล้านล้านบาท) ในไตรมาสก่อนหน้า
การเพิ่มขึ้นของเงินสดครั้งนี้เป็นผลมาจากการเทขายหุ้นครั้งใหญ่ของบัฟเฟตต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้น Apple และ Bank of America ซึ่งถือเป็นการลดสัดส่วนการถือครองหุ้น Apple ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 4 แล้ว ขณะเดียวกัน Berkshire Hathaway ก็ขายหุ้น Bank of America ไปแล้วกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท) นับตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
รวมแล้วบัฟเฟตต์วัย 94 ปีขายหุ้นออกไปมูลค่าสูงถึง 3.61 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.23 แสนล้านบาท) ในไตรมาสที่ 3
น่าสนใจว่า Berkshire Hathaway ไม่ได้ซื้อหุ้นคืนเลยในช่วงเวลาดังกล่าว ก่อนหน้านี้บริษัทเคยซื้อหุ้นคืนเพียง 345 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท) ในไตรมาสที่ 2 ซึ่งลดลงอย่างมากจาก 2 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท) ที่ซื้อคืนในช่วง 2 ไตรมาสก่อนหน้า
ทั้งนี้ บริษัทระบุว่าจะซื้อหุ้นคืนก็ต่อเมื่อบัฟเฟตต์เชื่อว่าราคาซื้อคืนต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานของ Berkshire Hathaway เท่านั้น แม้จะขายหุ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาหุ้น Class A ของ Berkshire Hathaway ยังคงเพิ่มขึ้น 25% ในปีนี้ แซงหน้าผลตอบแทนของดัชนี S&P 500 ที่ 20.1% และยังทำให้มูลค่าตลาดของบริษัททะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 34 ล้านล้านบาท) เป็นครั้งแรกในไตรมาสที่ 3 อีกด้วย
สำหรับผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 กำไรจากการดำเนินงานของ Berkshire Hathaway ซึ่งรวมถึงกำไรจากธุรกิจที่บริษัทเป็นเจ้าของทั้งหมดอยู่ที่ 1.01 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.43 แสนล้านบาท) ลดลงประมาณ 6% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากผลประกอบการด้านประกันภัยที่อ่อนแอ
ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เล็กน้อย ท่าทีระมัดระวังของบัฟเฟตต์เกิดขึ้นในขณะที่ตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ ท่ามกลางความคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างราบรื่น
แคธี ไซเฟิร์ต นักวิเคราะห์จาก CFRA Research กล่าวว่า “Berkshire Hathaway เป็นภาพสะท้อนของเศรษฐกิจในวงกว้าง การที่บริษัทเลือกถือครองเงินสดจำนวนมากแทนที่จะนำไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง แสดงให้เห็นถึงมุมมองที่ระมัดระวังและต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง (Risk-off) ซึ่งนักลงทุนอาจกังวลว่านี่เป็นสัญญาณบ่งชี้อะไรเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจและตลาดในอนาคต”
ส่วน จิม ชานาฮาน นักวิเคราะห์จาก Edward Jones ตั้งคำถามว่า “การที่บัฟเฟตต์สะสมเงินสดจำนวนมากเช่นนี้เป็นเพราะเขามองว่าหุ้นมีมูลค่าสูงเกินไป หรือคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจกำลังจะถดถอย หรือต้องการสร้างเงินสดเพื่อเข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่?”
อย่างไรก็ตาม บัฟเฟตต์เคยกล่าวไว้ในเดือนพฤษภาคมว่า เขาคาดว่า Apple จะยังคงเป็นหุ้นที่ Berkshire Hathaway ลงทุนมากที่สุด แต่การขายหุ้นออกไปก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เนื่องจากอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรจากการลงทุนที่ 21% ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของบัฟเฟตต์สร้างความฮือฮาให้กับวงการลงทุน และคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า ยุทธศาสตร์การลงทุนของปู่บัฟเฟตต์ในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นและเศรษฐกิจโลกอย่างไรในอนาคต
อ้างอิง:
- https://www.cnbc.com/2024/11/02/berkshire-hathaways-cash-fortress-tops-300-billion-as-buffett-sells-more-stock-freezes-buybacks.html
- https://edition.cnn.com/2024/11/02/business/berkshire-buffett-sells-apple-bofa/index.html
- https://www.reuters.com/markets/us/berkshires-cash-sets-record-buffett-sells-apple-bofa-operating-profit-falls-2024-11-02/