SET Index วันนี้ (28 ตุลาคม) ระหว่างการซื้อขายปรับตัวลดลงแรงประมาณ 14 จุด ไปจุดต่ำสุดของวันที่ระดับ 1,449.73 จุด ก่อนที่จะปิดการซื้อขายภาคเช้าที่ระดับ 1,455.31 จุด ลดลง 8.11 จุดเปรียบเทียบจากปิดวันก่อนหน้า (25 ตุลาคม)หลายปัจจัยกดดันทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า SET Index วันนี้เคลื่อนไหว Sideways ในแดนลบ ท่ามกลางความกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย หลังกระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนกันยายน 2567 ขยายตัวเพียง 1.1%YoY ชะลอลงจาก 7%YoY ในเดือนสิงหาคม 2567 ซึ่งจะส่งผลทางบวกต่อ GDP ของไทยไตรมาส 3/67 อย่างจำกัด
ขณะที่การนำเข้าที่ขยายตัวสูงถึง 9.9%YoY ซึ่งทางฝ่ายวิเคราะห์มองว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสินค้าราคาถูกจากจีนที่ยังคงหลั่งไหลเข้าสู่ไทย และจะเป็นผลกระทบทางลบต่อผู้ประกอบการภายในประเทศ
นอกจากนี้ SET Index ยังได้ Sentiment ลบจากการที่จีนเผยกำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมร่วง 27.1% ในเดือนกันยายน 2567 ซึ่งเป็นการดิ่งลงรุนแรงที่สุดในปีนี้ สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนยังคงอ่อนแอและอาจเป็นแรงผลักดันให้สินค้าราคาถูกจากจีนยังคงไหลเข้าไทยต่อไป
สำหรับในวันพรุ่งนี้ (29 ตุลาคม) มีปัจจัยที่ต้องติดตามดังนี้
- การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า จะนำเสนอการแก้ไขสัญญารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เข้าสู่ที่ประชุม โดยจะเป็นปรับแก้ในรายละเอียดเล็กน้อย
- นายกรัฐมนตรีจะแถลงรายละเอียดกิจกรรมการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย นักกลยุทธ์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า สินค้าจีนราคาถูกยังคงหลั่งไหลเข้ามาในไทยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจีนยังคงเร่งการส่งออกสินค้าเพราะเศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่จากการแพร่ระบาดของโควิดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังประสบปัญหาเพิ่มเติมจากภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ สอดคล้องกับตัวเลขของไทยในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ที่ขยายตัวถึง 9.9%YoY
หากไปดูข้อมูลภาพรวมสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีการนำเข้ามาในไทยช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ขยายตัว 4.4%YoY แต่หากดูข้อมูลเฉพาะเดือนกันยายนที่ผ่านมา ขยายตัวถึง 9.7%YoY ซึ่งส่วนหนึ่งแน่นอนว่าเป็นสินค้าที่มีการนำเข้ามาจากจีน
นอกจากนี้ประเมินว่าการหลั่งไหลเข้ามาของสินค้าจีนจะยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกอย่างน้อยจนถึงสิ้นปี 2567 เนื่องจากเศรษฐกิจจีนยังมีภาพการฟื้นตัวที่ไม่ชัดเจน ส่งผลให้มีความจำเป็นต้องเร่งระบายส่งออกสินค้าราคาถูก อีกทั้งยังคงต้องติดตามภาพของเศรษฐกิจในปี 2568 หากเศรษฐกิจจีนยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ก็มีความเสี่ยงที่จะยังเห็นสินค้าจีนหลั่งไหลเข้ามาในไทยอย่างต่อเนื่องอีกในปีหน้า
อย่างไรก็ดี ประเมินว่าประเด็นดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยไม่มากนัก เพราะมีสัดส่วนบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เป็นคู่แข่งกับสินค้านำเข้าราคาถูกจากจีนไม่สูง
โดยกลุ่มที่น่าจะถูกกระทบมากที่สุดคือกลุ่มผู้ผลิตเหล็ก เนื่องจากจีนมีการส่งออกเหล็กราคาถูกมาทุ่มตลาดในไทย รวมทั้งอาจมีผู้ประกอบการบางส่วนของไทยในกลุ่มชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่ได้รับผลกระทบบ้าง เพราะมีการนำสินค้ากลุ่มนี้เข้ามาในไทยด้วย
พศุตม์กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเมินการหลั่งไหลของสินค้าจีนเข้ามาในไทยน่าจะมีผลกระทบโดยตรงต่อภาพเศรษฐกิจของไทย โดยเฉพาะกลุ่มแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ขายสินค้าราคาถูกของจีน ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการ SMEs ของไทย ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อภายในประเทศ เนื่องจากผู้ประกอบการ SMEs ของไทยก็อยู่ในฐานะผู้บริโภคด้วย หากมีรายได้ลดลงก็จะส่งผลให้ความสามารถในการบริโภคลดลงตามไปด้วย
ด้าน บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ยังต้องติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลาง หลังจากอิสราเอลโจมตีกลับไปที่อิหร่าน โดยจากนี้ต้องประเมินท่าทีของอิหร่านว่าจะตอบโต้กลับไปอีกครั้งหรือไม่ หากตอบโต้กลับก็จะทำให้สถานการณ์น่ากังวลมากขึ้น
ส่วนที่จีนต้องรอติดตามการประกาศมาตรการทางการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอาจทำให้เห็นการเก็งกำไรในหุ้น Commodity ได้
สำหรับปัจจัยในประเทศ ฉากของสถานการณ์การเมืองยังมีโอกาสกลับมาสร้างแรงกดดันได้ตลอด แต่ในช่วงสัปดาห์นี้ไม่น่าจะมีพัฒนาการที่สำคัญเข้ามากดดัน น้ำหนักจึงให้ไปที่แนวทางในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งจะหารือกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ก่อนการประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ คาดหวังว่าน่าจะเห็นมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศเพิ่มเติม แต่มองว่าการปรับฐานของ SET Index ยังมีโอกาสเกิดขึ้นต่อ
ขณะที่ บล.กรุงศรี ระบุว่า SET Index ปิดตลาดภาคเช้าวันนี้ลบ 8.1 จุด แรงกดดันหลักมาจากหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ คือ DELTA กดดัชนี หลังจากประกาศงบไตรมาส 3/67 ปลายสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ราคาหุ้น DELTA ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง ทำให้กดดันตลาดให้ปรับลงมา 9 จุด นอกจากนี้ จากการประชุมนักวิเคราะห์ ไม่มีปัจจัยบวกเพิ่มเข้ามา
หลักทรัพย์ที่กดดัชนีมากที่สุด 5 อันดับแรกช่วงปิดการซื้อขายภาคเช้าวันนี้มีดังนี้
- DELTA ปิดที่ระดับ 128.50 บาท ลดลง 8 บาท ราคาหุ้นที่ลดลงมีผลต่อดัชนี -8.0355 จุด
- GULF ปิดที่ระดับ 64.75 บาท ลดลง 1 บาท ราคาหุ้นที่ลดลงมีผลต่อดัชนี -0.9448 จุด
- TRUE ปิดที่ระดับ 11.90 บาท ลดลง 0.20 บาท ราคาหุ้นที่ลดลงมีผลต่อดัชนี -0.5565 จุด
- ADVANC ปิดที่ระดับ 272 บาท ลดลง 2 บาท ราคาหุ้นที่ลดลงมีผลต่อดัชนี -0.479 จุด
- CPN ปิดที่ระดับ 64 บาท ลดลง 1 บาท ราคาหุ้นที่ลดลงมีผลต่อดัชนี -0.3614 จุด