วันนี้ (28 ตุลาคม) ที่อาคารรัฐสภา วิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส. แบบบัญชีรายชื่อ และประธาน สส. พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การประชุม สส. พรรคเพื่อไทย ในวันที่ 29 ตุลาคมนี้ จะเน้นการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 30 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของสมัยประชุมนี้ จึงต้องกำชับให้ สส. เข้าประชุม เนื่องจากมีการโหวตร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การขนส่งทางราง ที่เสนอค้างมาตั้งแต่หลายสัปดาห์ที่แล้ว
ส่วนจะมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของพรรคเพื่อไทยเองด้วยหรือไม่นั้น วิสุทธิ์กล่าวว่า ต้องถามที่ประชุมพรรค เพราะตนเองเป็นวิปรัฐบาล ไม่ใช่ว่าจะตัดสินใจแทน สส. ได้ทั้งหมด และเมื่อปรึกษาสมาชิกพรรคแล้วก็ต้องนำไปปรึกษาคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรค แล้วนำส่งต่อไปให้คณะกรรมการบริหารพรรคต่อไป
สำหรับการหารือร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่อาจพิจารณาในสมัยประชุมหน้า วิสุทธิ์กล่าวว่า ต้องรอทำ พ.ร.บ.ประชามติ ให้เสร็จก่อน เพราะกฎหมายประชามตินั้นจะเป็นกุญแจนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้จะมีร่างแก้ไขของพรรคประชาชนที่สามารถพิจารณาได้เลยโดยไม่ต้องทำประชามติ ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เราก็เห็นผลออกมาแล้วว่ามีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เดิมพรรคเพื่อไทยต้องการให้แก้เป็นรายมาตรา แต่เมื่อมีคนทักท้วงจึงต้องถอนออกไป
วิสุทธิ์กล่าวด้วยว่า สำหรับกฎหมายเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมคดีการเมือง ซึ่งขณะนี้เสนอมา 4 ร่าง ส่วนตัวเห็นว่ามี 2 แนวทางคือ รัฐบาลอาจเห็นด้วยกับร่างของพรรคใดพรรคหนึ่ง หรือรัฐบาลอาจไม่เห็นด้วยเลย ซึ่งไม่ทราบตรงนี้ แต่สำหรับ สส. พรรคเพื่อไทยต้องหารือกันในพรรคก่อน
“ไม่ว่าจะนิรโทษกรรมแบบไหน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเราจะไม่นิรโทษกรรมมาตรา 112 โดยเด็ดขาด ขอให้ความมั่นใจกับประชาชน ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่เอาด้วยกับการแก้ไข พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่จะแก้ไขปัญหามาตรา 112” วิสุทธิ์กล่าว
ส่วนที่มีข้อกล่าวหาว่าเราจะนิรโทษกรรมให้นั้นก็ไม่มีข้อเท็จจริง แต่หากเป็นคดีธรรมดา คดีการเมือง ที่เกิดขึ้นมาหลาย 10 ปีจากความขัดแย้ง จะอยู่ในข่ายที่เราพิจารณา อย่างไรก็ตาม ต้องหารือกับ สส. ในพรรค รวมถึงต้องปรึกษากับพรรคร่วมรัฐบาลด้วยว่ามีความคิดเห็นอย่างไรและจะแก้ไขอย่างไรบ้าง
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาลว่ายังเหนียวแน่นอยู่เหมือนเดิมใช่หรือไม่ วิสุทธิ์กล่าวว่า เหนียวแน่นปึกอยู่ หลายคนที่วิพากษ์วิจารณ์ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาของระบอบประชาธิปไตย การเห็นด้วยหรือเห็นต่างถือเป็นเรื่องปกติ
