‘โอ้กะจู๋’ หรือ บมจ.ปลูกผักเพราะรักแม่ (OKJ) กำลังจะกลายมาเป็นหุ้นน้องใหม่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผ่านการเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของดัชนี SET
ล่าสุดโอ้กะจู๋กำหนดราคาหุ้น IPO ที่จะเสนอขายที่ 6.70 บาท คิดเป็นมูลค่าการระดมทุนไม่เกิน 1,065.3 ล้านบาท และจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 23-25 กันยายน 2567
สำหรับใครที่กำลังสนใจที่จะซื้อหุ้นโอ้กะจู๋ THE STANDARD WEALTH ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับหุ้น OKJ ให้มากขึ้นผ่าน 8 ข้อควรรู้
-
ธุรกิจของโอ้กะจู๋
โอ้กะจู๋เป็นผู้ให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ภายใต้คอนเซปต์ ‘Be Organic from Farm to Table’
ปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทมาจากแบรนด์โอ้กะจู๋เกือบ 100% ส่วนใหญ่ขายผ่านร้านโอ้กะจู๋ที่เราพบเห็นตามสถานที่ต่างๆ แต่ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทขยายแบรนด์ใหม่เพิ่มเติมอีก 2 แบรนด์ คือ OHKAJHU WRAP and ROLL และ Oh! Juice ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีรายได้บ้างแล้ว แต่ยังมีสัดส่วนรวมกันไม่ถึง 1% ของรายได้ทั้งหมด
จุดเด่นที่สำคัญอย่างหนึ่งของโอ้กะจู๋คือวัตถุดิบผักที่ปลูกด้วยตัวเอง ปัจจุบันบริษัทมีสวนปลูกผักทั้งหมด 5 สวนในจังหวัดเชียงใหม่ บนพื้นที่รวม 380 ไร่ โดยยังมีกำลังการผลิตเหลือประมาณ 38% จากพื้นที่สวนที่สามารถรองรับได้
ส่วนสาขาของธุรกิจต่างๆ แบ่งเป็น
- Full-service Restaurant 33 สาขา
- Delivery and Kiosk 4 สาขา
- ผลิตเพื่อจำหน่ายในร้าน Café Amazon กว่า 450 สาขา
- ขายผลผลิตในซูเปอร์มาร์เก็ต 12 สาขา
- OHKAJHU WRAP and ROLL 1 สาขา
- Oh! Juice 6 สาขา
-
การเติบโตที่ผ่านมา
ช่วงเวลาเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา รายได้ของโอ้กะจู๋เพิ่มขึ้นจาก 797.8 ล้านบาท มาเป็น 1,712.8 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 46.5% ต่อปี ส่วนครึ่งปีแรกของปี 2567 บริษัทมีรายได้ 1,097 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่กำไรสุทธิของโอ้กะจู๋จากปี 2564 ที่ขาดทุน 84.55 ล้านบาท พลิกกลับมามีกำไร 38.32 ล้านบาทในปี 2565 ก่อนจะเติบโตขึ้นเป็น 140.65 ล้านบาทในปี 2566 ส่วนครึ่งปีแรกของปี 2567 มีกำไรสุทธิ 102.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในมุมความสามารถในการทำกำไร โอ้กะจู๋มีอัตรากำไรสุทธิ (NPM) ประมาณ 9% และมีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ประมาณ 28% ส่วนอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) อยู่ที่ประมาณ 12%
-
หุ้น IPO 6.70 บาท
โอ้กะจู๋จะขายหุ้น IPO ทั้งหมด 159 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.1% ของหุ้นทั้งหมด 609 ล้านหุ้น โดยจะขายให้กับนักลงทุน 4 กลุ่ม ได้แก่
- บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 43%
- ผู้มีอุปการคุณของบริษัท 3.9%
- กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท 3.4%
- นักลงทุนสถาบัน 49.7%
จากราคา IPO ที่กำหนดไว้ 6.70 บาท หากอิงจากราคานี้จะทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ของโอ้กะจู๋อยู่ที่ 4,080 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ เช่น อัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) อยู่ที่ 24.13 เท่า อิงจากกำไร 12 เดือนที่ผ่านมา อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (P/BV) อยู่ที่ 5 เท่า อิงจากมูลค่าตามราคาบัญชีที่ 1.34 บาทต่อหุ้น
-
เทียบกับหุ้น AU และ MAGURO
จากหนังสือชี้ชวนของโอ้กะจู๋ มองว่าหุ้นที่ใกล้เคียง ได้แก่ บมจ.อาฟเตอร์ ยู (AU) และ บมจ.มากุโระ (MAGURO) ซึ่งประกอบธุรกิจจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเช่นกัน
จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา AU และ MAGURO มีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 7.78 พันล้านบาท และ 2.19 พันล้านบาท ตามลำดับ และมี P/E อยู่ที่ 34.20 เท่า และ 33.32 เท่า ตามลำดับ
ส่วนรายได้รวมและกำไรสุทธิ
- AU
– ปี 2566 รายได้รวม 1,233.76 ล้านบาท กำไรสุทธิ 178.17 ล้านบาท
– ครึ่งแรกปี 2567 รายได้รวม 724.92 ล้านบาท กำไรสุทธิ 126.86 ล้านบาท
- MAGURO
– ปี 2566 รายได้รวม 1,045.81 ล้านบาท กำไรสุทธิ 72.48 ล้านบาท
– ครึ่งแรกปี 2567 รายได้รวม 619.29 ล้านบาท กำไรสุทธิ 33.04 ล้านบาท
-
ระดมทุนไปทำอะไร
หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการระดมทุน โอ้กะจู๋คาดว่าจะได้รับเงินประมาณ 1,023.9 ล้านบาท ซึ่งจะถูกนำไปใช้ใน 4 ด้าน ได้แก่
- 753.9-758.9 ล้านบาท
ขยายธุรกิจ ทั้งสาขาของโอ้กะจู๋, OHKAJHU WRAP and ROLL และ Oh! Juice รวมทั้งการขยายสาขาสำหรับธุรกิจหรือแบรนด์ใหม่ๆ
- 190-230 ล้านบาท
ก่อสร้างครัวกลางแห่งใหม่ ลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและระบบอื่นๆ
- 30-35 ล้านบาท
ลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะปลูก และสร้างสถานที่ตรวจสอบคุณภาพการผลิต
- 0-50 ล้านบาท
ชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน
-
ความเสี่ยงของธุรกิจ
ความเสี่ยงธุรกิจตามหนังสือชี้ชวนมีอยู่หลากหลายด้าน เช่น
- ปริมาณผลผลิตและวัตถุดิบผักและผลไม้ที่อาจน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ส่วนหนึ่งจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- ราคาวัตถุดิบที่ผันผวน และอาจเพิ่มสูงขึ้นตามปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้
- การแข่งขันในอุตสาหกรรม
- ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
- การไม่ประสบความสำเร็จของสาขาที่เปิดใหม่หรือแบรนด์ใหม่
- ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของร้านอาหารในโซนกรุงเทพฯ และปริมณฑล
- ความเสี่ยงในการต่อสัญญาเช่าพื้นที่สาขา
-
ผู้ถือหุ้นใหญ่
กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของโอ้กะจู๋ แบ่งเป็น 5 กลุ่มหลัก ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ได้แก่
- ครอบครัวเอกชัยพัฒนกุล ถือหุ้นรวม 190.356 ล้านหุ้น คิดเป็น 31.26%
- บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด (บริษัทย่อยของ OR) ถือหุ้นรวม 121.8 ล้านหุ้น คิดเป็น 20%
- จิรายุทธ ภูวพูนผล ถือหุ้นรวม 93.394 ล้านหุ้น คิดเป็น 15.34%
- ครอบครัวสุชัยบุญศิริ ถือหุ้นรวม 44.45 ล้านหุ้น คิดเป็น 7.30%
- ประชาชนทั่วไป ถือหุ้นรวม 14 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.30%
-
จองซื้อผ่านโบรกเกอร์ไหน
หุ้น IPO ที่จะเสนอขายจำนวน 159 ล้านหุ้น สามารถจองซื้อได้ผ่านทาง 6 บริษัทหลักทรัพย์ ได้แก่
- บล.บัวหลวง ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
- บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
- บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย