×

8 จุดเด่น ‘ไทย โคโคนัท’ หรือ COCOCO ผู้บุกเบิกความเป็นเลิศด้านมะพร้าว ที่กำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ [ADVERTORIAL]

โดย THE STANDARD TEAM
28.08.2023
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • COCOCO ผู้บุกเบิกความเป็นเลิศด้านมะพร้าวมากว่า 20 ปี กำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ด้วยการขายหุ้น IPO ที่มีจำนวนไม่เกิน 370 ล้านหุ้น
  • ธุรกิจของ COCOCO มาพร้อมจุดเด่นหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความแตกต่างในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่แปรรูปจากมะพร้าวและผลไม้ ตลอดจนมีฐานลูกค้าในต่างประเทศจำนวน 90 ประเทศทั่วโลก ซึ่งครอบคลุมทุกทวีปทั่วโลก
  • มีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างกว้างขวาง และนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อจำหน่ายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งได้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพด้วยการใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยและกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ สะอาด และปลอดภัย
  • COCOCO คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET ในหมวดธุรกิจ (Sector) อาหารและเครื่องดื่ม ภายในไตรมาส 3/66

สำหรับใครหลายคน ‘มะพร้าว’ อาจเป็นเพียงผลไม้ที่ช่วยให้สดชื่นเมื่อดื่มในช่วงอากาศร้อนๆ หรือเป็นส่วนผสมสำคัญในขนมไทยที่ขาดไม่ได้

 

แต่สำหรับบริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO ต้องบอกว่า มะพร้าวเป็นดั่งรากแก้วที่ทำให้ธุรกิจเติบโตจนขยับขยายไปทั่วโลก และกำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอีกไม่ช้า

 

อะไรคือเบื้องหลังความสำเร็จของผลไม้ลูกกลมๆ ที่ชื่อว่ามะพร้าว ซึ่งปูทางให้ COCOCO เข้ามาติดนามสกุลมหาชน เราสรุปเป็น 8 จุดเด่นมาให้แล้วในบทความนี้

 

 

1. ผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุม

 

ย้อนกลับไปเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว COCOCO ได้ก่อตั้งขึ้นมาโดยทำธุรกิจซื้อมาขายไปในกลุ่มอาหารสำเร็จรูป รวมถึงน้ำกะทิด้วย ก่อนที่จะหันมาจับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับมะพร้าวอย่างจริงจัง จนตอนนี้มีสินค้าหลักคือ การผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่แปรรูปจากมะพร้าวและผลไม้ เช่น กะทิบรรจุกระป๋อง, กะทิบรรจุกล่องยูเอชที (UHT), กะทิพาสเจอไรซ์, น้ำมะพร้าวบรรจุกระป๋อง, น้ำมะพร้าวกล่องยูเอชที (UHT),  น้ำมะพร้าวพาสเจอไรซ์, ขนมมะพร้าว และอาหารสำเร็จรูป ภายใต้ตราสินค้า Thaicoco และ Cocoburi

 

ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น แต่มีการต่อยอดไปสู่ธุรกิจผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก เพื่อสุขภาพสำหรับสุนัขและแมว ภายใต้ตราสินค้า Moochie รวมถึงการเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพจากโปรตีนพืช รวมทั้งผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ชีสและเนยประเภทต่างๆ ที่ทำจากพืช

 

2. มีลูกค้าทั่วโลก

 

ด้วยความสามารถในการหาลูกค้ารายใหม่และเพิ่มยอดขายสำหรับลูกค้าเดิม รวมถึงการสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าในด้านคุณภาพและบริการ ทำให้ตอนนี้ COCOCO มีฐานลูกค้าในต่างประเทศจำนวน 90 ประเทศทั่วโลก ซึ่งครอบคลุมทุกทวีปทั่วโลก

 

 

โดยในไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 COCOCO ส่งออกร้อยละ 79.16 และขายในประเทศร้อยละ 20.84 ซึ่งภูมิภาคที่เป็นลูกค้าหลักของ COCOCO คือ เอเชีย ยุโรป และอเมริกา ซึ่งมีสัดส่วน 51.76%, 21.99% และ 20.91% ตามลำดับ

 

3. การใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยและมาตรฐานสูง

 

COCOCO ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพด้วยการใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยและกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ สะอาด และปลอดภัย โดยเน้นบริการที่รวดเร็วและทันท่วงที

 

อีกทั้ง COCOCO ยังเสริมจุดแข็งในเรื่องเครื่องจักรด้วยการวางแผนที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปขยายการผลิตใน 3 ส่วนหลัก คือ

 

  1. ขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว (COCOCO) โดยซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการผลิตน้ำมะพร้าว เพื่อขยายกำลังการผลิตน้ำมะพร้าวจากประมาณ 110,000 ตันต่อปี เป็น 218,000 ตันต่อปี รวมถึงการขยายคลังสินค้า เพื่อรองรับการจัดเก็บผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าว
  2. ขยายกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง (TAS) โดยซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและขยายประเภทสินค้าในขนมกินเล่นของสุนัขและแมว
  3. ขยายกำลังการผลิตอาหารที่ทำจากพืช (TPF) โดยซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและขยายประเภทสินค้าในไอศกรีม

 

 

4. งบการเงินที่แข็งแกร่ง

 

ธุรกิจจะแข็งแกร่งได้หรือไม่ล้วนสะท้อนออกมาจากผลประกอบการทั้งสิ้น ซึ่งสำหรับ COCOCO รวมผลการดำเนินงานในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2563-2565 มีรายได้ขายสินค้าเท่ากับ 3,022.01 ล้านบาท, 3,435.89 ล้านบาท และ 3,333.30 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นร้อยละ 99.53, ร้อยละ 98.68 และร้อยละ 98.58 ของรายได้รวมในแต่ละปีตามลำดับ และมีรายได้จากการให้บริการเท่ากับ 17.96 ล้านบาท และ 31.24 ล้านบาท ตามลำดับ

 

เมื่อพิจารณากำไรสุทธิพบว่า มีกำไรสุทธิเท่ากับ 69.46 ล้านบาท, 241.88 ล้านบาท และ 302.22 ล้านบาท ตามลำดับ

 

สำหรับงวด 3 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมีรายได้จากการขายเท่ากับ 853.36 ล้านบาท และรายได้จากการให้บริการเท่ากับ 3.41 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 99.32 และร้อยละ 0.40 ของรายได้รวม ตามลำดับ

 

โดยมีกำไรสุทธิเท่ากับ 66.90 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 5.28 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นผลมาจากรายได้จากการขายของบริษัทเพิ่มขึ้น เนื่องจาก COCOCO สามารถขยายตลาดไปยังประเทศจีนได้เพิ่มขึ้น 

 

 

5. วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อยู่ตลอด

 

ธุรกิจที่ไม่หยุดนิ่งคือธุรกิจที่พัฒนาอยู่เสมอ ดังนั้น COCOCO จึงได้วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างกว้างขวาง และนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อจำหน่ายอย่างสม่ำเสมอ

 

เห็นได้จากการขยายธุรกิจไปสู่ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพจากโปรตีนพืช ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงสำหรับผู้ที่รักสุขภาพทั่วโลก รวมไปถึงการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชีสและเนยที่ทำจากพืชด้วย

 

 

6. เป็นธุรกิจที่อยู่ในเทรนด์

 

การที่ธุรกิจของ COCOCO อยู่ในเทรนด์ ทำให้มีแนวโน้มการเติบโตในอนาคตและมีความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้แนวโน้มภาพรวมธุรกิจของกลุ่มบริษัทเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงในอนาคต เห็นได้จากความสามารถในการทำรายได้และกำไรที่สูง ซึ่งมีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ

 

อย่างมะพร้าวก็เป็นพืชเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลสำรวจของกรมวิชาการเกษตรพบว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2565 มีการส่งออกมะพร้าวจำนวน 689,034 ตัน เป็นมูลค่า 17,748 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 128%

 

รวมถึงการทำธุรกิจในกลุ่มโปรตีนจากพืช (Plant-Based Protein) เหล่านี้ถือได้ว่าเป็นเทรนด์อาหารเพื่ออนาคต (Future Food) ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคทั้งเรื่องของสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ในปี 2565 มูลค่าตลาดโปรตีนทางเลือกที่มาจากนวัตกรรมอาหารใหม่น่าจะอยู่ที่ 4,100 ล้านบาท หรือขยายตัว 5.1% ด้วยกัน

 

 

7. ได้เปรียบจากการจัดหามะพร้าว

 

ธุรกิจของ COCOCO ยังสร้างความได้เปรียบคู่แข่งทั้งในและต่างประเทศในด้านความสามารถของการจัดหามะพร้าว โดยเฉพาะน้ำมะพร้าวและเนื้อมะพร้าวขาว

 

ซึ่ง COCOCO ได้ให้ความสำคัญในคุณภาพของสินค้า โดยควบคุมการผลิตตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบหลักคือเนื้อมะพร้าวขาวและน้ำมะพร้าว การขนส่งวัตถุดิบเข้าสู่โรงงาน ขั้นตอนการผลิตที่ปลอดภัยและปลอดเชื้อ การจัดเก็บสินค้าสำเร็จรูป การบรรจุหีบห่อ ไปจนถึงการจัดส่งสินค้าได้ตรงตามคุณภาพและเวลาที่ลูกค้าต้องการ 

 

อีกทั้ง COCOCO ยังให้ความสำคัญในการดูแลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและรักษาความสัมพันธ์กับชุมชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตต่อไปได้ในอนาคต

 

 

8. ความเชี่ยวชาญในการบริหาร

 

ด้วยความที่ COCOCO อยู่ในวงการธุรกิจมานาน ทำให้ผู้บริหารมีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจเป็นอย่างมาก

 

อย่างที่รู้กันดี ผู้บริหารถือเป็น ‘หางเสือ’ ที่จะทำให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วย ดังสุภาษิตที่ว่า ‘ประสบการณ์เป็นครูที่ดีที่สุด’ ซึ่งผู้บริหารที่ชำนาญจะนำประสบการณ์มาใช้ในการปรับตัวเมื่อเผชิญกับความท้าทาย ตลอดจนการคาดการณ์แนวโน้ม การเปลี่ยนแปลง และโอกาสในธุรกิจ

 

เหล่านี้คือ 8 จุดเด่นของ COCOCO ที่พร้อมจะเสนอขายหุ้น IPO ที่มีจำนวนไม่เกิน 370 ล้านหุ้น มีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 25.17% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ 

 

และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET ในหมวดธุรกิจ (Sector) อาหารและเครื่องดื่ม ภายในไตรมาส 3/66

 

ผู้สนใจสามารถศึกษาหนังสือชี้ชวนตราสารทุนเพิ่มเติมได้ที่: https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSEQ01.aspx?TransID=524158&lang=th

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising