×

8 พรรคร่วมรัฐบาลส่งชื่อ ‘พิธา’ ชิงนายกฯ รอบ 2 เผยยังไม่มีแคนดิเดตสำรอง หากได้เสียงไม่ถึง 344 เสียง พร้อมหลีกทางให้เพื่อไทยตั้งรัฐบาล

โดย THE STANDARD TEAM
17.07.2023
  • LOADING...

วันนี้ (17 กรกฎาคม) ที่อาคารไทยซัมมิท ทาวเวอร์ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยแกนนำพรรคร่วมอีก 7 พรรค ได้แก่ ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล, นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, ทวี สอดส่อง เลขาธิการ พรรคประชาชาติ, พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย, ปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม, สุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย, วสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทรวมพลัง และตัวแทนจากพรรคพลังสังคมใหม่ ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาล ก่อนการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ว่า มีข้อสรุปอยู่ 3 ข้อ ได้แก่ 

 

  1. การโหวตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ 8 พรรคมีมติส่งชื่อ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย
  2. การหารือในเรื่องเกี่ยวกับการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ของพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลได้เสนอเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอีก 7 พรรคที่เหลือ 
  3. หารือในข้อบังคับรัฐสภา ข้อที่ 41 ที่มีกระแสข่าวว่าวุฒิสภา (ส.ว.) จะตีความตามข้อบังคับข้างต้น ซึ่งในที่ประชุมมีความเห็นทางกฎหมายว่าไม่น่าจะเข้าข่าย เป็นเรื่องเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ไม่เกี่ยวกับข้อบังคับแต่อย่างใด ไม่ถือว่าเป็นญัตติในการเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่อาจจะมองเห็นต่างกับ ส.ว. ในเรื่องนี้ อีกทั้งยังเตรียมการรายละเอียดในการเข้าสู่วันที่ 19 กรกฎาคมจะถึงนี้

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะตั้งหลักอย่างไร หากวันที่ 19 กรกฎาคมมีเสียงสนับสนุนไม่เพียงพอ พิธากล่าวว่า ตามที่ได้มีการแถลงไป หากสมรภูมิแรก ถ้าคะแนนไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมที่จะถอยให้กับพรรคอันดับ 2 คือพรรคเพื่อไทย ขณะเดียวกันยังมีเรื่องของมาตรา 272 ที่ได้ยื่นเข้าไปแล้ว และต้องบรรจุภายใน 15 วัน ซึ่งต้องมาดูกันอีกทีว่าเป็นการยื่นของพรรคก้าวไกลเพียงพรรคเดียว ไม่ได้ผูกมัดกับพรรคอื่น 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากมีการตีความตามข้อบังคับรัฐสภาที่ทำให้ไม่สามารถเสนอชื่อพิธาซ้ำได้ ทาง 8 พรรคจะดำเนินการอย่างไรในวันนั้น พิธากล่าวว่า มีข้อสรุปในทางกฎหมายเพียงฝ่ายของเรา พรุ่งนี้จะมีการประชุมวิปอีกครั้ง ซึ่งถ้ามีการประชุมวิปก็น่าจะเห็นตรงกัน 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความสัมพันธ์ของพรรคร่วมในขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง พิธากล่าวว่า เป็นไปได้ด้วยดี มีความพยายามที่จะตั้งรัฐบาลของประชาชนให้ได้ จึงมีมติที่จะเสนอชื่อตนเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีความต้องการเสียงสนับสนุนจากพรรคชาติไทยพัฒนาหรือไม่ พิธากล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่เป็นมติของ 8 พรรค 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้เตรียมชื่อสำรองไว้หรือไม่ กรณีที่ชื่อของพิธาไม่สามารถเสนออีกต่อไปได้ พิธากล่าวว่า ยังไม่มี ยังเป็นชื่อตนเพียงคนเดียวอยู่ 

 

เมื่อถามถึงความคืบหน้าของการหาเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. ในการโหวตให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรี พิธากล่าวว่า หลังจากวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับ ส.ว. โดยมีทั้งคนที่ไม่ได้มาร่วมโหวตออกเสียงในวันนั้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะโหวตสนับสนุน 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พิธาได้ต่อสายตรงคุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ข้อเท็จจริงและท่าทีเป็นอย่างไร พิธากล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่หารือถึงประเด็นทางการเมืองกับเพื่อน ส.ส. และ ส.ว. ในสภา หรืออยากหาข้อมูลก็จะพูดคุยกัน ไม่มีการเชิญเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งที่มีกระแสข่าวออกมาว่าคุยกับทุกพรรค ยกเว้นพรรคลุง ได้มีโอกาสพูดคุยว่าสถานการณ์นี้มีความคิดเห็นอย่างไร เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมือง ไม่มีการโทรไปขอคะแนนเสียง เป็นเรื่องปกติที่มีการคุยกับหัวหน้าพรรคทุกพรรค ไม่ใช่มาเริ่มพูดคุยสัปดาห์นี้ ส่วนที่มีรายงานข่าวว่าพิธาโทรไปเพื่อขอคะแนนเสียงนั้น พิธากล่าวว่า ยังไม่เห็นรายละเอียด เป็นแค่การหารือประเด็นการเมือง 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 หากตัวเลขไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญก็จะวางมือให้พรรคอันดับ 2 ส่วนตัวเลขที่มีนัยสำคัญจะเป็นตัวเลขที่เท่าไร พิธากล่าวว่า ตนคิดว่าถ้าให้เหมาะสมต้องเพิ่มขึ้นอีก 10% หรือประมาณ 344-345 เสียง ก็น่าจะเป็นตามลักษณะนี้ ไม่ได้ตั้งใจที่จะกั๊กไว้ว่าเป็นนัยสำคัญที่ไม่ได้คิดตัวเลขไว้ในใจ ก็จะเป็นตัวเลขที่ไม่ฝืนสายตาประชาชน ส่วนการโหวตนายกรัฐมนตรีรอบ 2 ที่จะมีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีแข่ง ประเมินเรื่องนี้อย่างไรนั้น จากที่ได้ฟังสัมภาษณ์จากพรรคเสียงข้างน้อย ทุกคนพูดว่ารัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย, ธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ, อนุชา นาคาศัย ส.ส. ชัยนาท พรรครวมไทยสร้างชาติ จากที่เห็นในสื่อก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ส่วนเสียงที่จะได้เพิ่มมาในการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 จะเป็นทั้งจาก ส.ว. และ ส.ส. ก็ต้องรอดูด้วยกัน ตนยังทำงานในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ได้ทิ้งไปและตนยังสู้อยู่ 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวว่าจะมีการเสนอชื่อ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แข่งนายกรัฐมนตรี สามารถรวมเสียงได้หรือไม่ พิธากล่าวว่า ต้องฝากนักข่าวไปถาม พล.อ. ประวิตร ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีการเรียก ส.ส. ไปพูดคุยเพื่อซื้องูเห่านั้น ทางฝั่งของพรรคก้าวไกลได้ติดตามและคอยเช็กตลอด มั่นใจว่าทุกคนได้รับบทเรียนของการเป็นงูเห่า ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลไม่มี และคิดว่าทางพรรคเพื่อไทยก็จะเป็นแบบนั้นเช่นกัน 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีหากพรรคก้าวไกลยอมถอยเรื่องแก้ไขมาตรา 112 เพื่อให้พรรคอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมายกมือโหวตให้ พิธากล่าวว่า ในมุมของตน สิ่งที่ตนคิดว่ามาตรา 112 เป็นข้ออ้างที่อยู่ข้างหน้า แต่ว่าข้างหลังคงมีหลายเรื่อง ตามที่สื่อมวลชนวิเคราะห์ในหลายรายการ ก็เห็นตรงกันว่าจริงๆ แล้วมีหลายเรื่องที่จะไปมีผลกระทบต่อสัมปทานและผลประโยชน์การปฏิรูปกองทัพ กอ.รมน. ที่พรรคก้าวไกลต้องการที่จะให้ถ่างออกจากการเมืองให้ได้ ซึ่งเชื่อว่ามาตรา 112 เป็นเรื่องที่อ่อนไหว เป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ก็ไม่ใช่ทุกอย่าง คิดว่าถ้าเรื่องนี้หายไปเรื่องอื่นก็จะมาอีกทาง เรื่องที่สำคัญคือตนต้องการที่จะรักษาคำพูด ก่อนหาเสียงพูดไปอย่างไร หลังหาเสียงก็ไม่ใช่ว่าต้องการที่จะเข้าสู่อำนาจด้วยทุกวิถีทาง ถ้าเป็นเรื่องที่มีน้ำหนักจริงก็อาจจะคิด แต่ตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่มีน้ำหนักเท่ากับเรื่องต่างๆ ที่อาจไปกระทบต่อผลประโยชน์ของแต่ละคน

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการรับมืออย่างไรหากถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน พิธากล่าวว่า ผลจะออกมาอย่างไรก็แล้วแต่ ไม่ได้ทำให้ความเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของตนหายไป เมื่อเทียบกับกรณีของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ในขณะนั้น ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลใจแต่อย่างใด

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising