×

7 Things We Love About Alessandro Michele ดีไซเนอร์ที่พลิกหน้าประวัติศาสตร์แฟชั่น

04.12.2022
  • LOADING...

เชื่อว่าหลายคนกำลังช็อกกับข่าวการลาออกกะทันหันแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยของ Alessandro Michele หลังเขาพลิกโฉมแบรนด์แฟชั่นหรูสัญชาติอิตาลีอย่าง Gucci จนสามารถกลับมาผงาดและเป็นที่นิยมได้อีกครั้ง 

 

กว่า 7 ปีที่เขาดำรงตำแหน่งในฐานะครีเอทีฟไดเรกเตอร์ เขาเปลี่ยนภาพลักษณ์ของ Gucci แบบหน้ามือเป็นหลังมือ จากคาแรกเตอร์เซ็กซี่สุดแกลม สู่คาแรกเตอร์เนิร์ดๆ ไร้เพศ ที่กลับกลายเป็นว่าเก๋ ถูกใจ Gen Z ไปทั่วโลก

 

ยอดขายกว่า 3.9 พันล้านยูโรในปี 2015 ทะยานขึ้นแตะเกือบหมื่นล้านในปี 2021 กลายเป็นดาบสองคมที่กลับมาทำร้ายตัวเขาเอง แฟชั่นที่สุดท้ายแล้วก็คือธุรกิจที่มีเรื่องของกำไรเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อตัวเลขที่เคยทำได้ไม่อยู่ในจุดที่ผู้บริหารพอใจอีกต่อไป โดยจากแหล่งข่าว Alessandro Michele ถูกขอให้เปลี่ยนทิศทางงานดีไซน์ เพื่อกระตุ้นยอดขายและสร้างความตื่นเต้นให้กับแบรนด์อีกครั้ง และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจลาออก

 

Alessandro Michele ถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในแฟชั่นดีไซเนอร์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของโลก เขาได้ปรับเปลี่ยนและสร้างโมเมนต์มากมายในกับอุตสาหกรรมแฟชั่น และเพื่อเป็นการกล่าวลาเขาอย่างเป็นทางการ THE STANDARD POP จึงขอสรุป 7 เหตุผลที่ทำไมแฟชั่นจะต้องจดจำชื่อของผู้ชายคนนี้

 


 

 

FROM NO NAME TO MOST INFLUENTIAL

 

Alessandro Michele เปิดตัวคอลเล็กชันแรก Fall/Winter 2015 ภายใต้ความงงงวยว่าเขาคือใคร และทำไมจึงสามารถก้าวเข้ามาเป็นครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของแบรนด์แฟชั่นทรงอิทธิพลอย่าง Gucci ได้ 

 

จริงๆ แล้ว Alessandro Michele  ถูกจ้างมาทำงานที่ Gucci ตั้งแต่สมัย Tom Ford จนส่งไม้ต่อมาที่ Frida Giannini ที่เขาเลื่อนตำแหน่งมาแผนกแอ็กเซสซอรีของแบรนด์ จนกระทั่งปี 2015 ที่ทางแบรนด์ตัดสินใจดันผู้ชายโนเนมคนนี้เข้ารับตำแหน่งดีไซน์สูงสุดที่ Gucci ซึ่งเขามีเวลาดีไซน์คอลเล็กชันแรกเพียง 5 วันเท่านั้น!

 

คอลเล็กชันแรกของเขาสร้างความงงทั้งตัวเขาที่น้อยคนจะรู้จักและภาพลักษณ์ของ Gucci ที่ฉีกชนิดแถบไม่เหลือเค้าเดิมเลย ความแกลม หรูหรา ฟู่ฟ่า เซ็กซี่ ถูกแทนที่ด้วยภาพลักษณ์เด็กเนิร์ดแฟชั่นที่ช็อกสายตาผู้ชม ก่อนจะกลายเป็นความชื่นชมและกระแสในเวลาต่อมา เขาสามารถสร้างยอดขายให้กับแบรนด์กว่า 120 เท่าจากภาพลักษณ์ที่ล้างกระดาน Gucci ยุคเก่าไปเลย ความสำเร็จของเขากลายเป็นเทรนด์ให้แบรนด์แฟชั่นเริ่มหันไปจับตามองดีไซเนอร์โนเนมบ้าง เพื่อหวังจะพลิกวิฤกตให้เป็นโอกาสแบบ Gucci ซึ่ง Bottega Veneta เองก็เลือกโมเดลเดียวกันด้วยการจ้าง Daniel Lee เข้ามา

 


 

 

KING OF MAXIMALIST 

 

น้อยแต่มากคงไม่ใช่นิยามของ Gucci ในยุคของ Alessandro Michele เป็นแน่ แต่เป็น ‘มากและมาก’ ต่างหากที่ดูเป็นตัวเขา การล้างกระดานครั้งใหญ่ของเขาไม่ใช่แค่ปรับคาแรกเตอร์ของ Gucci ใหม่เท่านั้น แต่สไตล์ที่เคยมินิมัลด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้นในยุค Tom Ford ถูกแทนที่ด้วยเสื้อผ้าเลเยอร์บนเลเยอร์ ทับด้วยเสื้อตัวนอกซ้อนถุงน่อง ใส่แว่นตาและแอ็กเซสซอรีแบบจุกๆ การล้างภาพจำใหม่นี้เข้าตา Gen Z อย่างจัง Gucci ขึ้นแท่นแบรนด์ที่ขายดีมากๆ โดยเฉพาะสำหรับสาวก Gen ใหม่ที่ชอบแต่งตัวแบบถม สไตล์แม็กซิมัลผสมความดราม่ากลายเป็นภาพลักษณ์ที่แข็งแรงของ Alessandro Michele ตลอดระยะเวลากว่า 8 ปี 

 


 

 

GENDER FLUID STYLE

 

นอกจากความเยอะแล้ว เทรนด์การแต่งตัวไหลลื่น Gender Fluid ตัว Alessandro Michele เองก็เป็นคนแรกๆ ที่ปลุกกระแสนี้ให้กลายเป็นกระแสหลักของวงการแฟชั่นตั้งแต่คอลเล็กชันแรกของเขาเลย เขายังชอบรวมแฟชั่นโชว์ของผู้ชายและผู้หญิงเข้าด้วยกัน เพื่อเบลอเรื่องเพศสภาพในคอลเล็กชันของแบรนด์ให้มีอิสระเสรีมากพอที่ใครหรือเพศใดก็สามารถสวมใส่เสื้อผ้าของเขาได้ อีกหนึ่งภาพลักษณ์ Gender Fluid ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของ Gucci ไปแล้วนั่นคือ Harry Styles ซึ่งการแต่งตัวของเขาถูกเปลี่ยนให้ไหลลื่นไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากที่ทั้งสองได้ร่วมงานกัน และ Harry Styles ได้กลายเป็น Global Ambassador ให้กับ Gucci ในเวลาต่อมา ทั้งสองสร้างแรงกระเพื่อมอย่างมาก ปรับทัศนคติการใช้ชีวิตของผู้ชายยุคใหม่ให้กว้างมากขึ้น 

 


 

 

FURRY PRINCETOWN SLIPPERS

 

ถ้าต้องพูดถึงไอเท็มชิ้นดังของ Gucci ในยุคของ Alessandro Michele จริงๆ แล้วเราสามารถยกตัวอย่างได้มากกว่า 10 ชิ้น แต่ที่สร้างกระแส ได้รับการพูดถึง และขายดีมากๆ ต้องยกให้รองเท้ารุ่น Princetown Slippers ซึ่งบอกก่อนว่ารองเท้าสไตล์นี้อยู่คู่กับแบรนด์ Gucci ตั้งแต่ยุค 50 แล้ว แต่ Alessandro Michele ได้นำมาปรับรูปลักษณ์ใหม่ด้วยการใส่ขนเฟอร์ลงบนพื้นด้านในของรองเท้า ยกสถานะรองเท้าคู่นี้จากคลาสสิกไอเท็มสู่ไอเท็มฮอตที่ขายดีสุดๆ ไปเลยของยุค 2010 

 


 

 

SPECTACULAR FASHION SHOW

 

อีกหนึ่งไฮไลต์ของ Gucci ในยุค Alessandro Michele ต้องยกให้ความใหญ่ เอะอะ และดราม่า ของแฟชั่นโชว์ที่เขาจัดแต่ละครั้ง คอลเล็กชันล่าสุด Spring/Summer 2023 เขาแคสติ้งนางแบบและนายแบบฝาแฝดเดินจับมือในชุดที่เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว ทำคนดูอึ้งไปพักใหญ่ รวมถึงยังเป็นหนึ่งในโชว์ที่คนพูดถึงมากที่สุดของซีซันอีกด้วย คอลเล็กชัน Fall/Winter 2018 นางแบบมาพร้อมหัวซิลิโคนหน้าเหมือนและยังมีลูกมังกรด้วย ซึ่งโชว์นี้ก็ช็อกคนดูไปอีกหนึ่งแมตช์            

 

คอลเล็กชัน Fall/Winter 2020 เขายกระดับโชว์ไปอีกขั้นด้วยการเผยถึงเบื้องหลังของโชว์ ตั้งแต่นางแบบและนายแบบแต่งหน้า ทำผม และแต่งตัว ก่อนจะมาหยุดบนรันเวย์วงกลมที่หมุนให้เห็น 360 องศาเลยทีเดียว ความก๋ากั่นและครีเอทีฟของเขาในการทำโชว์ เลือกสถานที่ หรือแม้แต่แคสติ้ง ถือว่าสุดโต่งมาก โชว์ของ Gucci มักเป็นที่พูดถึงและจดจำเสมอในยุคของเขา

 


 

 

A-LIST AMBASSADOR

  

ไม่ใช่แค่ Harry Styles เท่านั้นที่ Alessandro Michele ร่วมงานด้วยและขึ้นแท่น Global Ambassador อีกหนึ่งขาประจำก็คือ Jared Leto ที่ทั้งเคยโผล่ที่งาน The Met Gala ในลุคแฝด และยังมีลุคชวนสยองที่เขาถือหัวซิลิโคนตัวเองบนพรมแดงงานเดียวกันอีกด้วย Billie Eilish ก็เป็นอีกหนึ่งนักร้องดังที่สวมใส่ Gucci สั่งตัดพิเศษเพื่อเธออยู่ตลอดตามงานสำคัญต่างๆ และ Dakota Johnson เทพธิดาของ Gucci ในยุคนี้ที่เธอเอาอยู่ทุกลุคของงานดีไซน์ที่ Alessandro Michele ออกแบบ ฝั่งเอเชียเอง Alessandro Michele เลือกทำงานกับไอดอลตัวท็อปอย่าง IU และ Kai แห่งวง EXO ทั้งสองสามารถเอาชุดเยอะๆ ของ Gucci แบบอยู่หมัด และยิ่งช่วยเพิ่มฐานแฟนลูกค้าของฝั่งเอเชียให้มากขึ้นไปอีก

 


 

 

GENIUS COLLABORATIONS

 

เป็นธรรมเนียมไปแล้วสำหรับแบรนด์แฟชั่นที่ต้องหันมาทำคอลเล็กชันคอลลาบอเรชัน สำหรับ Alessandro Michele เขาเข้าใจกลยุทธ์นี้เป็นอย่างดีว่ามันจำเป็นสำหรับแบรนด์แฟชั่น ดังนั้นในทุกๆ งานคอลแลบที่ Gucci ต้องทำ เขาจะจัดเต็มแบบไม่มียั้งเสมอ คงไม่มีใครลืมโปรเจกต์ Hacker-Project คอลแลบที่เข้าข้ามไปทำร่วมกับแบรนด์ดัง Balenciaga ถัดมา Gucci ออกคอลเล็กชันพิเศษร่วมกับแบรนด์สปอร์ตอย่าง adidas เสื้อผ้าแบบไฮบริดที่ผสานตัวตนของทั้งสองแบรนด์ได้อย่างลงตัว 

 

และยังมีคอลแลบที่เขาทำร่วมกับ Global Ambassador ทั้ง Kai กับแคปซูลคอลเล็กชันที่ขายดีมากๆ ในเอเชีย และล่าสุดกับ Harry Styles ในคอลเล็กชันชื่อ HA HA HA แต่ที่ดูจะขายดีและได้รับความนิยมอย่างมากต้องยกให้ Gucci x Northface ที่ออกมากี่ครั้งก็ยังครองใจแฟนคลับได้อยู่ตลอด เรียกได้ว่าเขาเข้าใจ DNA ของตัวแบรนด์ Gucci และแบรนด์ที่มาร่วมงานอย่างลึกซึ้ง จนได้ผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จขนาดนี้

 

ภาพ: Getty Images

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising