Virgil Abloh ชื่อที่ถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมแฟชั่นในฐานะบุคคลผู้สร้างแรงกระเพื่อมและทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของวงการ ชายผิวดำผู้เริ่มต้นสายอาชีพแฟชั่นจากเด็กเมืองชิคาโกที่หลงรักอันเดอร์กราวด์ สู่แบรนด์สตรีท Off-White ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก จนกระทั่งรับตำแหน่ง Artistic Director กลุ่มสินค้าผู้ชายสำหรับแบรนด์ลักชัวรีอันดับต้นๆ ของโลกอย่าง Louis Vuitton ที่เขาไม่ได้ครีเอตแค่เทรนด์การแต่งตัว แต่ได้ช่วยผลักดันและวิวัฒนาการให้วงการมีความ Inclusive มากขึ้น แทนที่จะ Exclusive อย่างเดียว
และเพื่อเป็นการระลึกถึงการจากไปของเขาครบรอบ 1 ปีพอดี THE STANDARD POP จะพาทุกคนย้อนไปถึง 7 ปัจจัยที่ทำให้ Virgil Abloh กลายเป็นหนึ่งในดีไซเนอร์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก
OPENING DOORS
ในปี 2018 นิตยสาร TIME ยกย่องให้เขาเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก โดยบอกว่าเขาคือนักปฏิวัติอุตสาหกรรมแฟชั่นอย่างแท้จริง การเป็นคนผิวดำที่มีพื้นเพมาจากสตรีทแวร์สามารถมาไกลขนาดนี้ ดำรงแหน่งสูงในแบรนด์หรูจากฝรั่งเศสได้ เขาไม่เคยมองตัวเองว่าเป็นดีไซเนอร์เลย และมักเรียกตัวเองว่า ‘นักสร้างสรรค์’ มากกว่า การมีตัวตนของเขาที่ Louis Vuitton สร้างแรงบันดาลใจอย่างมากให้กับเด็กผิวดำรุ่นต่อๆ ไป ที่ฝันอยากมีอาชีพและมีโอกาสแบบเขาบ้าง
หลังจากเหตุการณ์ Black Lives Matter เหมือนเป็นเครื่องย้ำเตือนความไม่ยุติธรรมที่คนผิวดำถูกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียม งานของเขาหลังจากนั้นมีทิศทางในการนำเสนอมุมมองของคนดำเพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจและยอมรับมากขึ้น เขาได้จัดตั้งกองทุน Post-Modern Scholarship Fund ซึ่งสามารถเรี่ยไรเงินได้มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีจุดประสงค์สนับสนุน ให้โอกาส และสร้างพื้นที่ให้กับเด็กผิวดำที่สนใจเรียนแฟชั่น แม้ว่าตัวเขาจะจากไปแล้ว แต่ทุนการศึกษานี้ก็ยังอยู่ และเป็นจุดเริ่มต้นของการปลูกฝังเด็กรุ่นใหม่ที่มีใจรักในแฟชั่น โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าคุณจะมีสีผิวแบบใด การมีตัวตนของเขายังเปิดโอกาสให้ดีไซเนอร์ผิวดำคนอื่นๆ ได้ลืมตาอ้าปากและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นด้วยในปัจจุบัน ไม่แปลกเลยว่าทำไมเขาจึงเป็นแรงบันดาลใจของเด็กผิวดำที่รักในแฟชั่นทั่วโลก
STREET LUXURY PIONEER
ในปี 2012 ทาง Virgil Abloh ได้เปิดแบรนด์เสื้อผ้าในชื่อ Pyrex Vision ซึ่งเป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่นำของวินเทจมาดัดแปลงให้เกิดเป็นงานดีไซน์ใหม่ Pyrex Vision ได้รับความนิยมพอสมควร แต่ก็ต้องปิดตัวลงเพราะเขาดันนำเสื้อโปโลของแบรนด์ Ralph Lauren มาดัดแปลงจนเกิดเป็นข้อพิพาทขึ้นมา อย่างไรก็ตามในปีถัดมาเขาได้เปิดแบรนด์แฟชั่นอีกครั้งในชื่อ ‘Off-White’ พื้นที่สีเทาที่อยู่ตรงกลางระหว่างสีดำและสีขาว คำอธิบายของตัวแบรนด์ที่เขาสร้างขึ้นมา แบรนด์ที่เขาตั้งใจให้เป็นพื้นที่ของไอเดียที่ผสมผสานความเป็นสตรีทแวร์ ลักชัวรี ศิลปะ เพลง และการเดินทางเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งในปี 2015 ก็สามารถเข้า Top 3 รางวัล LVMH PRIZE และวันนี้ก็ยังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก พร้อมมีร้านค้าทั่วโลก
KING OF COLLABORATION
อีกหนึ่งเรื่องที่ Virgil Abloh ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างเทรนด์ นั่นก็คือ ‘คอลลาบอเรชัน’ การร่วมงานระหว่างตัวเขาและแบรนด์หรือดีไซเนอร์คนอื่นๆ จนเขาได้ชื่อว่าเป็น King of Collaboration ของวงการเลยทีเดียว ที่พูดแบบนี้ไม่ได้เป็นการประชดแต่อย่างใด เพราะทุกผลงานคอลลาบอเรชันที่เขาร่วมงานมักสร้างกระแสบวกๆ และขายดีแบบ Sold Out เสมอ ที่สำคัญเขาไมได้คอลแลบแค่เฉพาะสินค้าแฟชั่นเท่านั้น เขายังสามารถก้าวข้ามขีดกำจัด ขยายกรอบงานดีไซน์ของตัวเองให้กว้างมากขึ้น เช่น Mercedes-Benz, IKEA, evian หรือแม้แต่ McDonald’s เขาก็เคยร่วมงานมาแล้วทั้งนั้น
แต่ที่พีคที่สุดต้องยกให้โปรเจกต์ The Ten งานคอลแลบที่เขาทำร่วมกับแบรนด์ Nike โดยเขาได้นำ 10 สนีกเกอร์รุ่นคลาสสิกของแบรนด์มารีมิกซ์ทั้งหมดในแบบของเขา ทุกชิ้นกลายเป็นแรร์ไอเท็มและถูกนำมารีเซลในราคาที่สูงอย่างมาก โดยเฉพาะรุ่น Red Air Jordan 1s ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง และจากความสำเร็จนี้เองทำให้ทั้งคู่ยังมีคอลแลบร่วมกันอยู่เรื่อยๆ
THE CREATIVE DUO
Virgil Abloh เริ่มเป็นที่รู้จักในแวดวงงานดีไซน์และแฟชั่นจากการที่เขาได้ร่วมงานกับ Kanye West หลังเขาได้รับตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ที่ Donda บริษัทด้านดีไซน์ของ Kanye ซึ่งงานแรกๆ ที่ทั้งคู่เริ่มทำด้วยกันคือดีไซน์ปกอัลบั้มของ Kanye ซึ่งเขามีหน้าที่กำหนดทิศทางของวิชวลทั้งหมด รวมถึงการดึงศิลปินมากมายเข้ามาช่วยดีไซน์ด้วย เช่น Takashi Murakami สำหรับอัลบั้ม Graduation ในปี 2007, Riccardo Tisci สำหรับอัลบั้ม Watch The Throne ในปี 2011 และอีกมากมาย ทั้งคู่หลงใหลในงานดีไซน์และมีแพสชันต่อแฟชั่นเป็นอย่างมาก โดยในปี 2009 ทั้งสองก็ได้เข้าไปฝึกงานที่ Fendi เพื่ออยากเรียนรู้กระบวนการทำงานของแบรนด์แฟชั่นระดับสูง ซึ่งแน่นอนว่าการฝึกงานครั้งนั้นกลายเป็นสะพานให้ทั้งคู่ได้มาทำงานแฟชั่นต่อในอนาคต
SUPER MULTI-TALENTED
หลายคนขนานนามเขาว่า Virgil Abloh เป็นเหมือน Karl Lagerfeld ในยุคใหม่ เพราะตัว Virgil นั้นมีสกิลในการทำงานหลากหลายแขนง และเขาสามารถเอาอยู่ทั้งหมดทุกแขนง นอกจากงานดีไซน์แบรนด์ของเขาและงานคอลแลบมากมายต่อปีที่เขาต้องรับผิดชอบ Virgil ยังชอบการเป็นดีเจเป็นชีวิตจิตใจ เขาเคยมีผลงานอัลบั้มเพลงที่มิกซ์เองมาแล้วอย่าง Orvnge ร่วมกับโปรดิวเซอร์มือทอง Boys Noize และเขาเองยังเคยนั่งแท่นคุมงานอาร์ตปกอัลบั้มให้กับ Kanye แต่ไม่ใช่แค่นั้น ด้วยมุมมองและวิสัยทัศน์ที่เฉียบคมมาก เขายังมีโอกาสได้ร่วมออกแบบวิชวลอัลบั้มให้กับศิลปินอีกมากมาย เช่น Kid Cudi และ 2 Chainz รวมถึงเคยกำกับมิวสิกวิดีโอให้กับ A$AP Rocky มาแล้วด้วยเช่นกัน
LOUIS VUITTON MEN’S
ในปี 2018 แบรนด์ Louis Vuitton ได้แต่งตั้งให้ Virgil Abloh เข้าดำรงตำแหน่ง Artistic Director แทนที่ Kim Jones ที่ย้ายไปที่ Dior Men แทน การเข้ามาของเขาสร้างข่าวหน้าหนึ่งทั่วโลก เพราะเขาถือเป็นคนดำคนที่สองต่อจาก Olivier Rousteing ที่มีโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหญ่ให้กับแบรนด์แฟชั่นหรูจากฝรั่งเศส คอลเล็กชันแรกของเขาสร้างปรากฏการณ์อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรันเวย์สีรุ้ง แคสติ้งนายแบบผิวดำที่เดินแน่นรันเวย์ รวมถึงเสื้อผ้าแนวสตรีทแวร์จ๋าๆ จุดเริ่มต้นของกระแสสตรีทที่ยึดพื้นที่ของลักชัวรีแฟชั่นในเวลาต่อมา
นอกจากเสื้อผ้าที่สร้างเม็ดเงินอย่างมหาศาลแล้วนั้น การเข้ามาของ Virgil ที่ Louis Vuitton ยังเหมือนเป็นประตูที่เปิดกว้างให้กับดีไซเนอร์ผิวดำเจนใหม่ให้มีพื้นที่และได้รับความสนใจมากขึ้น หลายๆ ครั้งเขามักใช้พื้นที่จากการทำแบรนด์หรูเพื่อชูรากเหง้าของความเป็นคนดำให้โลกได้ประจักษ์มากขึ้น เขาช่วยยกระดับเรื่องความหลากหลายในอุตสาหกรรมให้จับต้องได้มากขึ้นอย่างน่าชื่นชม
MOST BELOVED DESIGNER
Virgil Abloh ถือเป็นหนึ่งในดีไซเนอร์ที่คนยอมรับนับถือและรักมากที่สุดคนหนึ่งของวงการ จากการที่เขาเริ่มต้นอาชีพจากเส้นทางดนตรีจนมีโอกาสได้ร่วมงานกับศิลปินมากมาย จนมาถึงวงการแฟชั่น และยังชอบร่วมงานกับคนใหม่ๆ ช่วยผลักดันดีไซเนอร์เลือดใหม่ให้มีพื้นที่เป็นของตัวเอง เช่น Heron Preston เพื่อนของเขาที่เคยร่วมงานด้วยกันมาก่อน เขาช่วยผลักดันให้ตัว Heron เป็นที่รู้จักมากขึ้นในวงการแฟชั่น อย่างที่กล่าวไปเขายังชอบยืดกรอบตัวเองอยู่เสมอด้วยการทำงานกับคนหลากหลายแขนง เช่น Serena Williams ที่เขาช่วยเธอออกแบบคอลเล็กชันเสื้อสปอร์ต หรือ Ib Kamara สไตลิสต์ผิวดำที่เขาดึงมาร่วมงาน จนปัจจุบันเขากลายเป็นสไตลิสต์ชื่อดัง และเป็นผู้รับช่วงต่อแบรนด์ Off-White จาก Virgil ความใจกว้าง เป็นกันเอง และเปิดรับ ทำให้เขามีเพื่อนหลากหลายวงการ วันที่เขาจากไปนั้น เพื่อนๆ ของเขาหลายคนต่างก็โศกเศร้ากับการจากไป ไม่ใช่แค่ในฐานะดีไซเนอร์ที่ดีสุดคนหนึ่ง แต่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดด้วย
ภาพ: Getty Images