×

7 THINGS WE LOVE ABOUT PIERPAOLO PICCIOLI ดีไซเนอร์ผู้เป็นที่รักของวงการที่เพิ่งจากลาแบรนด์ Valentino

31.03.2024
  • LOADING...

เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา วงการแฟชั่นต้องช็อกกับข่าวการประกาศลาออกของ Pierpaolo Piccioli ดีไซเนอร์ชาวอิตาเลียนชื่อดัง หลังจากที่เขาทำงานร่วมกับแบรนด์ Valentino มาอย่างยาวนานกว่า 25 ปี ในยุคที่เขาดำรงตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ เขารังสรรค์คอลเล็กชันอันน่าจดจำมากมาย และยังทำให้ชื่อของ Valentino เป็นที่นิยมในหมู่คนรุ่นใหม่อีกด้วย 

 

ไม่ว่าเหตุผลเบื้องหลังการลาออกจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ชื่อของ Pierpaolo จะถูกจดจำในวงการแฟชั่นไปอย่างยาวนาน สิ่งที่เขาสร้างส่งอิทธิพลระดับไวรัลดูได้จากคอลเล็กชัน​ Valentino Pink PP โทนสีชมพูที่โด่งดังไปทั่วโลก รวมถึงคอลเล็กชันโอต์กูตูร์ที่เขากลายเป็นหนึ่งในไฮไลต์ประจำแฟชั่นวีคผ่านงานสร้างสรรค์อันวิจิตรที่ยากจะหาใครเทียบ 

 

THE STANDARD POP จะพาทุกคนไปรู้จักและย้อนชมโมเมนต์สำคัญของดีไซเนอร์ชื่อก้องคนนี้กัน

 

HOW HE STARTED 

 

Pierpaolo เกิดและโตที่เมืองโรมในย่านเน็ตตูโน ซึ่งตั้งอยู่ตอนใต้ของโรม เขาศึกษาเกี่ยวกับวรรณกรรมก่อนจะลงคอร์ส Experimental Fashion ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาหลงใหลในแฟชั่น ก่อนที่ต่อมาเส้นทางในวงการแฟชั่นของเขาได้เริ่มต้นขึ้นกับเพื่อนดีไซเนอร์ Maria Grazia Chiuri ที่ปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของ Dior โดยทั้งคู่ทำงานด้วยกันที่แบรนด์ Fendi ในแผนกแอ็กเซสซอรีกว่า 10 ปี ก่อนจะย้ายมาทำงานที่ Valentino พร้อมกันในปี 1999 ในแผนกเดียวกัน โดยในปี 2007 ดีไซเนอร์ Alessandra Facchinetti ขึ้นรับตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์แทนผู้ก่อตั้ง Valentino Garavani หลังจากที่เขาประกาศเกษียณ ซึ่ง Pierpaolo และ Maria ได้รับการโปรโมตขึ้นตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์แผนกแอ็กเซสซอรีด้วยเช่นกัน โดยรับหน้าที่ดูแลงานดีไซน์ของเครื่องหนังและเครื่องประดับทั้งหมดของแบรนด์ Valentino 

 

 


 

VALENTINO UNDER PIERPAOLO AND MARIA 

 

หลังจากทำงานได้เพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น ทั้ง Pierpaolo และ Maria ขึ้นรับตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ต่อจาก Alessandra Facchinetti ซึ่งจากประสบการณ์การทำงานอันยาวนาน ทั้งสองเข้าใจ DNA ของ Valentino ดีกว่าใคร จึงเป็นตัวเลือกที่ไม่มีใครกังขาเรื่องความสามารถ อาจเป็นเพราะทั้งสองทำงานแผนกแอ็กเซสซอรีมาอย่างยาวนาน จึงทำให้เข้าใจว่าตัวแปรสำคัญที่จะชูให้แบรนด์ประสบความสำเร็จมาจากเครื่องหนัง ภายใต้การดูแลของทั้งสองสามารถออกแบบงานอันน่าจดจำมากมาย โดยเฉพาะ Rockstud คอลเล็กชันกระเป๋าและรองเท้าหมุดหนามตัวดังที่สามารถสร้างยอดขายให้กับแบรนด์ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ได้สำเร็จ

 

 


 

SOLO CREATIVE DIRECTOR 

 

หลังจากสร้างแบรนด์มาด้วยกันมาพักใหญ่ ในปี 2016 แบรนด์ Valentino ประกาศแยกทางกับ Maria Grazia Chiuri ซึ่งเธอเข้ารับตำแหน่งใหม่ที่แบรนด์ Dior แทน จึงทำให้ตำแหน่งครีเอทีฟหลักอยู่ที่ Pierpaolo แต่เพียงผู้เดียว หากดูจากผลงานของทั้งคู่ค่อนข้างชัดเจนว่า ในฝั่งของ Maria มีบทบาทสำคัญในการออกแบบเสื้อ ในขณะที่ Pierpaolo นั้นดูแลฝั่งแอ็กเซสซอรี โดยคอลเล็กชัน Spring/Summer 2017 ถือเป็นคอลเล็กชันแรกภายใต้การออกแบบของเขาคนเดียว งานของเขาต่างจาก Maria อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นคัตติ้งหรือซิลูเอตที่ดูคมชูงานเทเลอร์มากขึ้น รวมถึงการเล่นสีสันที่ฉูดฉาดเน้นเทคนิค Color Blocking สาดคู่สีไปมา อีกหนึ่งจุดเด่นของเขาคือการโฟกัสที่งานฝีมืออย่างคอลเล็กชันโอต์กูตูร์ Pierpaolo ดึงจุดแข็งและเสน่ห์ของเสื้อผ้าชั้นสูงให้กลายเป็นไฮไลต์สำคัญของแบรนด์ Valentino ที่เคยซบเซา 

 

 


 

VALENTINO PINK PP

 

คอลเล็กชันสุดไวรัลของ Valentino ในยุคของ Pierpaolo ต้องยกให้คอลเล็กชัน Fall/Winter 2022 เมื่อเขาร่วมออกแบบโทนสีกับบริษัท Pantone ในการทำเฉดสีชมพู Pink PP ซึ่งในคอลเล็กชันดังกล่าวเขาใช้เฉดสีไวรัลบนลุคกว่า 80% ของโชว์ นอกจากเสื้อผ้าเฉดสีชมพูนี้จะไวรัล กลายเป็นเฉดสีที่ใครๆ ก็อยากสวมใส่แล้วนั้น Valentino Pink PP ยังสามารถสร้างปรากฏการณ์อีกรูปแบบด้วยการปรากฏตัวบนสินค้าอื่นๆ ในเฉดสีดังกล่าว เช่น สมุด, แก้วน้ำ, ร่ม, ดินสอ และอีกมากมาย คอลเล็กชันนี้ยังกลายเป็นภาพจำสุดไอคอนิก และเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้กับเทรนด์แฟชั่น Barbiecore อีกด้วย  

 

 


 

VALENTINO TOILE ICONOGRAPHE

 

อีกหนึ่งคอลเล็กชันที่สร้างไวรัลนั่นก็คือคอลเล็กชัน Spring/Summer 2023 เมื่อเขาส่งนางแบบเดินเปิดโชว์ด้วยเดรสโมโนแกรมตัว V ซึ่งลายดังกล่าวปรากฏอยู่ทั้งบนหน้าและตามตัวของนางแบบ คอลเล็กชันนี้ถือเป็นการเปิดตัวลายโมโนแกรมครั้งแรกของแบรนด์ในชื่อ Valentino Toile Iconographe เพื่อขานรับกับเทรนด์โลโก้มาเนียที่กำลังเป็นกระแสในช่วงนั้น สำหรับลายโมโนแกรม Toile Iconographe คือการนำตัวโลโก้ตัว V สัญลักษณ์ของ Valentino มาเรียงต่อๆ กัน ซึ่งในแคมเปญหลักได้ช่างภาพชื่อดังอย่าง Steven Meisel พร้อมด้วยซูเปอร์โมเดล Kristen McMenamy มาเป็นนางแบบหลัก ลายโมโนแกรมยังขึ้นแท่นเป็นลายคลาสสิกของแบรนด์เป็นที่เรียบร้อย 

 

 


 

FACES OF VALENTINO 

 

ในยุคของ Pierpaolo เขาเลือกใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์ที่เน้นความหลากหลายเป็นตัวของตัวเอง เช่น Lady Gaga ในแคมเปญน้ำหอม Voce Viva หรือ Zendaya ที่นอกจากขึ้นแคมเปญหลักแล้ว เธอยังสวมชุดของ Valentino ทั้งแบบอาร์ไคฟ์และตัดพิเศษในงานพรมแดงสำคัญๆ มากมาย เช่นเดียวกับ Florence Pugh อีกหนึ่งนักแสดงสาวมากความสามารถ กับเดรสซีทรูสีชมพูที่เคยสร้างเฮดไลน์มาแล้วในเรื่องการเป็นตัวของตัวเอง เธอยังกลับมาขึ้นแคมเปญให้กับ Rockstud คอลเล็กชันแอ็กเซสซอรีตัวดังในโทนสี Pink PP ด้วยเช่นกัน ฝั่งเอเชียก็ไม่น้อยหน้า Valentino สามารถคว้าตัวนักร้อง K-Pop สุดฮอตอย่าง Suga แห่งวง BTS มาได้ รวมถึงนักแสดงสาว ซนเยจิน ที่แบรนด์ตัดชุดแต่งงานสุดพิเศษให้เธอในงานแต่งอีกด้วย ฝั่งบ้านเราได้ทาบทามนักร้องหนุ่มมากฝีมือ Jeff Satur ในบทบาทของ Friend of the Brand พร้อมทั้งทำชุดพิเศษให้ในเพลง Black Tie ด้วยเช่นกัน  

 

 


 

AWARDS AND RECOGNITION 

 

ฝีมือของ Pierpaolo ค่อนข้างประจักษ์ในสายตาของแวดวงแฟชั่น เขาเคยชนะรางวัลใหญ่จากเวที The Fashion Awards ในสาขา Designer of the Year ได้ถึง 2 ปี ในปี 2018 และ 2022 โดยในปีหลังถือว่าค่อนข้างมีการแข่งขันที่สูง เมื่อต้องเข้าชิงร่วมกับ Jonathan Anderson จาก Loewe, Matthieu Blazy จาก Bottega Veneta, Demna Gvasalia จาก Balenciaga และ Miuccia Prada แต่ท้ายที่สุดเขาก็สามารถเก็บรางวัลนี้กลับบ้านมาได้ สำหรับเวที The Fashion Awards เปรียบได้กับงานประกาศรางวัลออสการ์ของฝั่งคนแฟชั่น โดยผู้ชนะจะต้องผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการในวงการแฟชั่นระดับโลกกว่า 1,000 คน เพื่อให้ได้ผลรางวัลที่เที่ยงตรงที่สุด 

 

 

ภาพ: Courtesy of Valentino / Getty Images

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising