EARLY LIFE
Nicolas Ghesquière เกิดและโตที่ Comines ทางตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส ความหลงใหลในแฟชั่นมาจากแม่ของเขา ซึ่งเธอเป็นสาวเฟรนช์ที่แต่งตัวเก๋และรักแฟชั่นเอามากๆ เขาเริ่มออกแบบตั้งแต่อายุ 12 ปีเท่านั้น โดยนำผ้าม่านมาทำชุดให้กับแม่ และยังออกแบบต่างหูระย้าให้กับยายของเขาเอง เขาพยายามกล่อมพ่อและแม่ของเขาว่านี่คืออาชีพที่เขาฝัน จนทั้งสองตัดสินใจช่วยเขาทำผลงานส่งให้กับแบรนด์เสื้อผ้าเพื่อให้รับเขาเข้าฝึกงาน จนกระทั่ง agnès b. คือแบรนด์แรกที่ตอบรับเขา ซึ่งในช่วงฝึกงานที่นั่น เขาได้เสื้อผ้าของแบรนด์เป็นค่าตอบแทน แต่ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็รู้ว่าการทำงานแฟชั่นนั้นหนักหนาเอาการ และตัดสินใจออกเพื่อไปเรียนต่อให้จบแทน
FIRST BREAK INTO THE INDUSTRY
ในปี 1991 หลังจากที่ Nicolas จบการศึกษาระดับมัธยม เขาตัดสินใจเรียนต่อในสาขาศิลปะ และเริ่มกลับมาทำงานในวงการแฟชั่นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในสายอาชีพของเขา เมื่อเขามีโอกาสทำงานให้กับดีไซเนอร์ระดับตำนานอย่าง Jean Paul Gaultier ในตำแหน่งผู้ช่วยด้านออกแบบ ที่นี่กลายเป็นโรงเรียนแฟชั่นที่ช่วยสอนให้เขาได้ค้นพบสไตล์การออกแบบเป็นของตัวเอง ในระหว่างที่รับงานที่ Jean Paul Gaultier เขายังรับงานดีไซน์อื่นๆ ให้กับแบรนด์เล็กๆ ในฝรั่งเศสอีกด้วย แต่ไม่นานนักเขาก็ได้ข้อเสนอให้เข้ามาเป็นดีไซเนอร์ให้กับแบรนด์โอต์กูตูร์อย่าง Balenciaga ในปี 1997
TRANSFORMING BALENCIAGA
ในช่วงเริ่มต้นที่ Balenciaga นั้น Nicolas เป็นแค่นักออกแบบให้กับไลน์ไลเซนส์ของประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น โดยหลักๆ จะเป็นชุดสูทและชุดเดรสสำหรับใส่ในงานศพ ไม่นานนักทีมงานของ Balenciaga เริ่มเห็นฝีมือของเขา และคิดว่าเขาน่าจะเข้ามายกระดับห้องเสื้อให้กลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง ด้วยวัยเพียง 25 ปี เขาขึ้นรับตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ให้กับ Balenciaga และได้ปฏิวัติแบรนด์ให้กลับมาผงาดยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ
งานดีไซน์ของ Nicolas สร้างชื่อให้กับแบรนด์ที่เคยซบเซาได้ทันที เขานำรูปทรงอันหวือหวาของ Cristóbal Balenciaga มาตีความใหม่ให้ดูโมเดิร์นขึ้น คอนทราสต์ซิลูเอตแบบเก่าและแบบใหม่เข้ากันได้อย่างลงตัว ที่สำคัญเขายังสามารถเข็นกระเป๋า The Lariat Bag หรือ The Motorcycle Bag ให้กลายเป็น IT Bag สุดคลาสสิกที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างสูง พร้อมเปลี่ยนแบรนด์เก่าให้กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่สร้างกำไรและเติบโตเร็วที่สุดของเครือ Kering
DESIGN PHILOSOPHY
อย่างที่เรากล่าวไปข้างต้น งานดีไซน์ของ Nicolas มักหยิบแรงบันดาลใจของอดีตมาแปรสภาพให้โมเดิร์นขึ้น ด้วยงานดีไซน์กึ่งอาวองการ์ดที่สามารถสวมใส่ได้ ชิ้นงานของเขาแต่ละครั้งเหมือนชิ้นงานทดลองที่ไม่ใช่ใครก็ใส่ได้ แต่คุณจะต้องมีคาแรกเตอร์ที่ชัดมากพอที่จะสวมใส่งานดีไซน์ของ Nicolas ได้
เขามักคิดค้นงานเสื้อผ้าจากเชปและฟอร์มที่ดูไม่น่าเข้ากันได้ แต่นำมาผสมผสานจนเกิดเป็นเสื้อผ้าแบบไฮบริดที่น่าสนใจ ไม่แปลกเลยที่เขาจะได้ฉายาว่า ‘เจ้าพ่อ Futuristic’ เพราะทุกชิ้นงานของเขาคือการนำอดีตมาลดทอนและเติมแต่งให้เหมาะกับบริบทของยุคปัจจุบันมากขึ้น ซึ่งบางครั้งเสื้อผ้าของเขาดูล้ำจนยากที่จะเข้าใจ แต่นั่นเองกลับเป็นจุดแข็งของเขาที่ยากจะหาใครมาเทียบได้
CREATIVE DIRECTOR AT LOUIS VUITTON
กว่า 15 ปีที่เขาทำงานให้กับ Balenciaga ในปี 2013 Louis Vuitton ได้ประกาศว่า Nicolas Ghesquière จะเข้ามารับช่วงต่อในฐานะครีเอทีฟไดเรกเตอร์จาก Marc Jacobs ที่หมดสัญญาไป โดยเขาจะเข้ามาดูงานดีไซน์ของฝั่งเสื้อผ้าผู้หญิงทั้งหมด
ที่ Louis Vuitton เขาได้นำปรัชญาการดีไซน์ที่เขาถนัดมาสร้างตำนานบทใหม่ให้กับแบรนด์กระเป๋าเดินทางเก่าแก่ให้ดูเก๋ ชิค และโมเดิร์นขึ้น เขานำมุมมองนักคิดนอกกรอบมาผสานให้ผู้หญิงของ Louis Vuitton ล้ำไปกว่าเดิม และยังดึงคู่หูสไตลิสต์ตั้งแต่สมัยที่เก่าอย่าง Marie-Amélie Sauvé มาช่วยในการมิกซ์แอนด์แมตช์ชุดให้ลงตัว
คอลเล็กชันของเขามักสร้างความหวือหวาในแง่ของสเกลการทำโชว์ และตัวเสื้อผ้าที่ยังคงคอนเซปต์ความล้ำ Futuristic เหมือนเดิม
CRUISE SHOW SPECTACLE
อีกหนึ่งจุดเด่นของเขาที่ Louis Vuitton คือ การจัดแฟชั่นโชว์ตามสถานที่สำคัญต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่ Louvre Museum ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งไม่เคยเปิดให้ใครจัดแฟชั่นโชว์มาก่อน รวมถึงคอลเล็กชัน Cruise ที่ตั้งแต่ Nicolas เข้ามาเป็นครีเอทีฟไดเรกเตอร์ ก็เริ่มจัดแฟชั่นโชว์ตามสถานที่สุดไอคอนิกทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Monaco’s Palace Square ในปี 2014, Niterói Contemporary Art Museum ที่เมืองรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล ในปี 2016 หรือ Miho Museum ที่เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2017 และที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้กับ Cruise 2024 ที่จะจัดขึ้น ณ Isola Bella ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี
AWARDS AND RECOGNITION
แน่นอนว่าดีไซเนอร์ระดับนี้จะไม่มีรางวัลการันตีได้อย่างไร ในปี 2000 เขาได้รางวัล Avant-Garde Designer of the Year จากเวที VH1/Vogue Fashion Awards หลังจากนั้น 1 ปี เขาได้รับรางวัลใหญ่อย่าง Womenswear Designer of the Year จาก CFDA อีกด้วย และในปี 2006 เขาถูกจัดอยู่ใน 100 บุคคลทรงอิทธิพลของโลก ซึ่งจัดขึ้นโดยนิตยสาร Time รวมถึงรางวัล International Designer of the Year จากเวที The British Fashion Awards
รางวัลมากมายขนาดนี้ น่าจะพออธิบายถึงฝีมืออันเฉียบคมและเป็นที่ยอมรับของคนในวงการมากมายของเขาได้แล้ว