×

7 THINGS WE LOVE ABOUT MAISON MARGIELA แบรนด์แฟชั่นหัวขบถที่ยังคงสร้างตำนานใหม่อยู่เสมอ

04.02.2024
  • LOADING...

How the Brand Started 

 

หลายคนเข้าใจว่า Martin Margiela นั้นเป็นหนึ่งในสมาชิก Antwerp Six หรือกลุ่มดีไซเนอร์หัวขบถชาวเบลเยียมที่สร้างชื่อเสียงอย่างมากในวงการแฟชั่น จริงๆ แล้วเขาไม่ได้เป็นหนึ่งในสมาชิก เพียงแต่เรียนจบที่ Royal Academy of Fine Arts Antwerp ซึ่งเป็นโรงเรียนแจ้งเกิดดีไซเนอร์ชื่อดังชาวเบลเยียม เช่น Dries Van Noten, Ann Demeulemeester หรือ Raf Simons นั่นเอง หลังจากเรียนจบได้ไม่นาน Margiela ได้เริ่มทำงานดีไซน์ครั้งแรกในฐานะผู้ช่วยของดีไซเนอร์ชื่อดังอย่าง Jean Paul Gaultier ซึ่งเขาเองได้มีโอกาสเรียนรู้เทคนิคและวิธีคิดนอกกรอบที่ไม่เหมือนใครจาก Gaultier โดยในยุคนั้นถือเป็นยุคที่พีคที่สุดของเขาจนถูกขนานนามว่า ‘Enfant Terrible’ จากแนวคิดบ้าๆ ของเขานั่นเอง 

 

ในปี 1988 เขาตัดสินใจเปิดแบรนด์ของตัวเองขึ้นในชื่อ Maison Martin Margiela โดยมีแนวคิดแบบ ‘Anti-Fashion’ โชว์แรกของเขาจัดขึ้นที่ปารีส ในคอลเล็กชัน Spring/Summer 1989 สร้างความฉงนให้กับเหล่าเอดิเตอร์ว่าสิ่งที่พวกเขาได้ชมนั้นคืออะไร แต่นั่นก็เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักด้วยเช่นกัน 

 

 


 

King of Deconstruction 

 

จุดสำคัญที่ทำให้ Martin Margiela กลายเป็นที่รู้จัก มาจากวิธีการดีไซน์ที่มักนำเอาสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้มารังสรรค์ หรือการดีไซน์เสื้อผ้าโดยการ ‘รื้อ’ แพตเทิร์นเดิมออกทั้งหมด และไม่เคยตามเทรนด์แฟชั่นเลย โดยในยุคที่ทุกคนกำลังหลงใหลรองเท้าส้นสูง เขากลับเลือกนำเสนอรองเท้า Tabi Shoes หรือรองเท้ากีบอูฐ รูปร่างหน้าตาสุดประหลาดแทน รวมถึงการใช้วัสดุถูกๆ หรือรีไซเคิลมาแปลงสภาพในรูปแบบของเสื้อผ้าชั้นสูงที่เน้นการตัดเย็บอันแยบยล ความกล้าและบ้าบิ่นของเขาส่งให้ผลงานทุกชิ้นประหนึ่งเป็นงานทดลอง จนก่อให้เกิดความสวยงามในรูปแบบใหม่ที่ภายหลังได้สร้างฐานแฟนคลับจำนวนมากให้กับแบรนด์ของเขา ผิดกับชื่อเสียงและความโด่งดังของแบรนด์ Margiela ไม่เคยปรากฏตัวต่อสื่อแฟชั่น หรือออกมาโค้งหรือทักทายหลังจบแฟชั่นโชว์เลย เขาเลือกจะตอบคำถามสื่อผ่านการส่งแฟกซ์เท่านั้น และไม่ยอมถ่ายรูปให้กับนิตยสารฉบับใดเลย แม้จะมีรูปของเขาปรากฏบ้าง แต่ไม่มีรูปไหนได้รับการยืนยันว่านั่นคือ Margiela หลายคนอาจไม่รู้ว่า Margiela เคยขึ้นรับตำแหน่ง Chief Designer ให้กับแบรนด์หรูอย่าง Hermès ถึง 6 ปี ก่อนจะถูกแทนที่ด้วย Jean Paul Gaultier ในปี 2003 

 

 


 

Meaning Behind Tags and Numbers 

 

อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้แบรนด์ Maison Margiela แตกต่าง เริ่มจากดีเทลเล็กๆ อย่างการเย็บแท็กด้านในชุดหรือเสื้อผ้าทุกชิ้นด้วยด้ายหลวมๆ 4 มุม โดยไม่มีชื่อแบรนด์อยู่บนแท็กเลยนอกจากป้ายขาวเปล่าๆ เท่านั้น จุดประสงค์ของเขาก็เพื่อให้แท็กดังกล่าวสามารถดึงออกได้ง่ายนั่นเอง เพราะเขาเชื่อว่าเสื้อผ้าของเขาไม่จำเป็นต้องมีชื่อแบรนด์ปรากฏอยู่ ซึ่งอีกหนึ่งเรื่องฮือฮาของ Margiela เกิดขึ้นในปี 1997 เมื่อเขาออกไอเดียการใช้ตัวเลขเพื่อบ่งบอกไลน์สินค้าของตัวเอง เลข 0-23 ที่เรียงตัวกริดสวยงามทำหน้าที่บอกไลน์โปรดักต์ทั้งหมดของแบรนด์ เช่น เลข 0 หมายถึงไลน์ Artisanal หรือไลน์โอต์กูตูร์, เลข 3 ไลน์เสื้อผ้าผู้หญิง, เลข 10 ไลน์เสื้อผ้าผู้ชาย, เลข 11 ไลน์แอ็กเซสซอรี และยังเป็นไลน์สินค้า Unisex, เลข 6 ไลน์ MM6 เสื้อผ้าที่ย่อยง่ายและราคาจับต้องง่ายขึ้น หรือเลข 8 ไลน์แว่นตา เป็นต้น 

 

 


 

Bejeweled Mask 

 

หนึ่งในเอกลักษณ์ของโชว์ Margiela คือการคลุมหน้านางแบบขณะเดินรันเวย์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ชมโฟกัสที่เสื้อผ้าของเขามากกว่าใครเป็นคนสวมใส่ชุดของเขา รวมถึงยังเป็นการบอกนัยตัวตนของเขาที่ไม่ชอบเปิดเผยตนเองด้วยเช่นกัน ซึ่งในปี 2012 คอลเล็กชันโอต์กูตูร์ของแบรนด์ได้นำหน้ากากคลุมหน้านี้กลับมาอีกครั้งในเวอร์ชันประดับคริสตัลไปทั้งใบหน้า หน้ากากประดับคริสตัลได้รับการพูดถึงอย่างมาก และยังถูกออกแบบพิเศษเพื่อให้แรปเปอร์ชื่อดัง Kanye West ใช้ในการทัวร์คอนเสิร์ตของเขา Yeezus Tour ในปี 2013 อีกด้วย 

 

 


 

The Phenomenon of Tabi Boots

 

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น คอลเล็กชันแรกของ Margiela สร้างความช็อกให้กับผู้ชม ที่สำคัญโชว์นั้นยังเป็นโชว์แรกที่เขาทำให้ทั้งโลกรู้จัก ‘Tabi Shoes’ รองเท้ากีบอูฐที่ได้แรงบันดาลใจมาจากถุงเท้าของคนญี่ปุ่นที่ใช้สวมยามเดินบนรองเท้าเกี๊ยะ ความประหลาดของรูปทรงกลับทำให้ Tabi Shoes ประสบความสำเร็จและกลายเป็นไอเท็มไอคอนิกของแบรนด์ที่ทุกคนนึกถึงมาโดยตลอด ตลอดระยะเวลาหลายปี Tabi Shoes ถูกตีความไปมากมาย ตั้งแต่รองเท้าบู๊ต รองเท้าผ้าใบ รองเท้าแตะ รองเท้าส้นเตี้ย โลฟเฟอร์ และอีกมากมาย ที่ล้วนมีซิกเนเจอร์โดดเด่นตรงกีบเท้าแยกสองช่อง รองเท้ารุ่นนี้ยังถูกยกย่องจากแวดวงงานดีไซน์และแฟชั่นว่าเป็นผลงานที่ผสานระหว่างความครีเอทีฟสุดโต่งกับความคอมเมอร์เชียลได้อย่างฉลาด มีชั้นเชิง และยากจะหาใครทำตามได้ ปัจจุบัน Tabi Shoes ในรูปทรงต่างๆ ยังเป็นที่ต้องการของท้องตลาดอยู่เช่นเดิม แม้จะผ่านมากว่า 30 กว่าปีแล้วก็ตาม 

 

 


 

Beauty Perfume Business 

 

นอกจากไลน์แฟชั่นแล้วนั้น น้ำหอมก็ถือเป็นอีกหนึ่งโปรดักต์ของ Maison Margiela ที่ได้รับความนิยมเช่นกัน น้ำหอมรุ่นดัง Replica เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2009 ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่าง Maison Margiela กับ L’Oreal แบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำของโลก โดยได้แรงบันดาลใจมาจากโชว์ชื่อ Replica ของ Margiela ในปี 1994 โดยปัจจุบันน้ำหอมรุ่นนี้มีกลิ่นมากถึง 13 กลิ่น ซึ่งแต่ละกลิ่นล้วนมีแรงบันดาลใจในแบบฉบับของตัวเอง และเป็นเสน่ห์ของแบรนด์ที่หลายคนต่างชื่นชอบด้วย นอกจากนั้น Maison Margiela ยังต่อยอดไลน์ Replica ในเวอร์ชันครีมอาบน้ำ ครีมบำรุงผิว ไปจนถึงเทียนหอมและผลิตภัณฑ์ให้ความหอมประเภทอื่นๆ อีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งไลน์สำคัญของแบรนด์ที่สร้างยอดขายและภาพจำให้กับ Maison Margiela  

 

 


 

John Galliano Era 

 

หลังจากที่เครือบริษัทอย่าง OTB เข้าซื้อกิจการในปี 2002 มีข่าวหนาหูว่า Margiela วางแผนเกษียณตัวเองทันที เนื่องจากตัวเขายังต้องการให้แบรนด์เน้นที่คุณภาพของสินค้าและงานดีไซน์ แต่ Renzo Rosso เจ้าของ OTB เครือบริษัทผู้ดูแลแบรนด์แฟชั่น อาทิ Marni, Diesel, John Galliano และ Trussardi เห็นต่างว่าแบรนด์ Margiela มีศักยภาพในการเติบโตสูง จนสุดท้ายเขาตัดสินใจออกจากแบรนด์ในปี 2009 และเปลี่ยนชื่อจาก Maison Martin Margiela สู่ Maison Margiela แทน 

 

โดยในปี 2015 แฟชั่นก็ได้ตื่นเต้นอีกครั้งเมื่อชื่อของ John Galliano ถูกประกาศว่าเขาคือครีเอทีฟไดเรกเตอร์คนใหม่ของแบรนด์ และในโชว์โอต์กูตูร์ล่าสุดเขาได้คืนฟอร์มสำเร็จ เมื่อเสื้อผ้าสุดดรามาติกของเขา ไม่ว่าจะเป็นคอร์เซ็ต หรือชุดที่เกิดจากการตีความที่บิดเบี้ยว บวกกับการแต่งหน้าและทรงผมที่ช่วยส่งให้โชว์ของ John เป็นที่พูดถึงและถูกชื่นชมเป็นอย่างมาก แม้สิ่งที่เขานำเสนอจะห่างไกลกับต้นแบบของ Margiela แต่แนวคิดแบบ Anti-Fashion ที่ไม่สนใจเทรนด์ รวมถึงการรื้อโครงสร้าง ยังปรากฏเด่นชัดในบริบทที่เปลี่ยนไปตามดีไซเนอร์คนปัจจุบัน และยังสามารถสร้างความขลังให้กับแบรนด์ได้เช่นเดิม 

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising