FROM THE VERY START
Kendall Jenner เริ่มต้นอาชีพนางแบบตั้งแต่อายุเพียง 14 ปีเท่านั้น เมื่อเธอบอกความต้องการนั้นกับแม่ของเธอผ่านรายการ Keeping Up with the Kardashians ซึ่ง Kris Jenner ได้พาเธอไปเซ็นสัญญากับเอเจนซี Wilhelmina Models เพื่อสานฝันอาชีพนางแบบ โดย Kendall Jenner มีโอกาสได้ร่วมงานกับแบรนด์ Forever 21 ได้ขึ้นปกแมกกาซีน American Cheerleader และ Seventeen รวมถึงได้เดินแบบครั้งแรกให้กับแบรนด์ Sherri Hill ในปี 2012 โดยมีพี่สาว Kim Kardashian คอยให้กำลังใจและตามรับ-ส่งเธอตลอดเวลา เธอเคยให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุที่อยากเป็นนางแบบ เพราะต้องการสร้างอาชีพและค้นหาตัวเองนอกจากการเป็นแค่คนดังจากเรียลิตี้โชว์เท่านั้น
BREAKTHROUGH MOMENT
อาชีพของเธอเริ่มต้นจริงๆ ในปี 2014 เมื่อเธอตัดสินใจเซ็นสัญญากับเอเจนซีใหม่ Society Management ไม่นานนักเธอได้เดินแบบให้กับแบรนด์ Marc Jacobs ซึ่งถือเป็นไฮแฟชั่นแบรนด์แรกที่จ้างเธอ โดยเธอสร้างเฮดไลน์บนรันเวย์จากการปรากฏตัวในเสื้อซีทรูที่เผยให้เห็นหน้าอกของเธอ ในปีนั้น Kendall Jenner เดินให้กับแบรนด์ Tommy Hilfiger, Balmain, Chanel และอีกมากมาย ก่อนจะปิดปีด้วยการเซ็นสัญญากับค่ายบิวตี้ยักษ์ใหญ่อย่าง Estée Lauder ในฐานะ Global Brand Ambassador
ด้วยชื่อเสียงจากรายการเรียลิตี้และยอดผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดีย ทำให้เธอได้รับความสนใจเป็นวงกว้าง เพราะบางแบรนด์เริ่มจ้างนางแบบจากยอดผู้ติดตามแทนการแคสติ้งปกติ จนเกิดเป็นข้อพิพาทตามมาว่าเธอนั้นไม่ได้เป็นนางแบบที่ดีเลย แต่แค่ดังจากเรียลิตี้และโซเชียลมีเดีย หลายคนขนานนามว่าเธอนั้นเป็นแค่ Instamodel เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาหลายปี Kendall Jenner ยังสามารถคงสถานะนางแบบระดับโลกที่มีผลงานอยู่ตลอด แน่นอนว่ามันมาจากความอุตสาหะที่เธอต้องการพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นว่าเธอตั้งใจอยากจะเป็นนางแบบมืออาชีพจริงๆ
HIGHEST PAID SUPERMODEL
แม้จะถูกด้อยค่าว่าเป็นแค่ Instamodel เท่านั้น แต่ Kendall Jenner และบ้าน Kardashian ช่วยสร้างธุรกิจการเป็นอินฟลูเอนเซอร์ผ่านโซเชียลมีเดีย และยังตระหนักถึงอำนาจของโลกออนไลน์ที่ปัจจุบันกลายเป็นต้นแบบของนางแบบรุ่นหลังๆ ที่หันมาใช้โซเชียลมีเดียสร้างกระบอกเสียงของตัวเองกันทั้งนั้น ด้วยยอดผู้ติดตามล่าสุดสูงถึง 263 ล้านฟอลโลเวอร์บน Instagram โดย Kendall Jenner ติดอันดับ 10 ของคนดังที่ทำรายได้สูงจากการโพสต์รูปโฆษณามากกว่า 1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 โพสต์เท่านั้น ในปี 2018 เธอโค่นตำแหน่ง Gisele Bündchen ซูเปอร์โมเดลรุ่นพี่ ขึ้นแท่นนางแบบที่ทำรายได้สูงที่สุดต่อปีซึ่งจัดทำโดยนิตยสาร Forbes ด้วยตัวเลขประมาณการอยู่ที่ 22.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และตำแหน่งนี้เธอยังถือครองจวบจนปัจจุบันด้วยรายรับที่มากขึ้นทุกปี พิสูจน์ความเป็นที่ต้องการและอิทธิพลของเธอที่มีต่อป๊อปคัลเจอร์และวงการแฟชั่นเป็นอย่างมาก
QUEEN OF NAKED DRESS
นอกจากเดินแบบแล้ว Kendall Jenner ยังเป็นดาวเด่นประจำพรมแดงงานสำคัญต่างๆ อีกด้วย ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัวมักสร้างเฮดไลน์และติดโพล Best Dressed ของงานนั้นๆ เสมอ ที่สำคัญเธอยังเป็นนางแบบขาประจำของงานแฟชั่นประจำปีอย่าง The Met Gala ที่เธอไปครั้งแรกในปี 2014 ร่วมกับแบรนด์ Topshop แต่ที่สร้างปรากฏการณ์และเป็นที่จดจำมากที่สุดคือชุดปี 2017 จาก La Perla เดรสซีทรูทั้งตัวที่เผยให้เห็นเรือนร่างสุดเพอร์เฟกต์ของเธอ และเดรสสไตล์นี้ยังกลายเป็นซิกเนเจอร์ลุคของ Kendall Jenner ในหลายๆ งานสำคัญต่อมาอีกด้วย เช่น เทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 2018 เธอมาในเดรสสีขาวผ้าซีทรูจาก Schiaparelli Haute Couture และเปลี่ยนเป็นเดรสคริสตัลซีทรูที่งานเลี้ยงของ Chopard
ในงาน The Met Gala ปี 2021 เธอกลับมาในเดรสจาก Givenchy Couture อีกครั้งที่เดรสปักมือทั้งตัวนี้เผยให้เห็นเรือนร่างของเธอ รวมถึงปี 2022 ในลุคจาก Prada ที่แม้ชิ้นล่างจะเป็นกระโปรงสุ่มขนาดใหญ่สุดดราม่า แต่ชิ้นบนกลับเป็นเสื้อกล้ามผ้าซีทรูสีดำ และล่าสุดที่งาน LACMA Gala เป็นอีกครั้งที่เธอเลือกเดรสซีทรูจากดีไซเนอร์หน้าใหม่ Burc Akyol เราเลยขอยกตำแหน่ง Queen of Naked Dress ให้ไปเลย เพราะไม่มีใครสามารถสวมชุดแนวนี้ได้ดีเท่าเธอแล้ว
STYLE EVOLUTION
สตรีทสไตล์ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คนให้ความสนใจในตัว Kendall Jenner เธอจัดได้ว่าเป็นคนดังที่แต่งตัวดีและมีสไตล์ที่เก๋มากๆ ในช่วงแรกๆ ของอาชีพนางแบบ เธอทำงานร่วมกับสไตลิสต์ Monica Rose เพื่อสร้างลุคแบบสาวแอลเอสุดเก๋ เน้นการผสมผสานระหว่างไฮแบรนด์และชิ้นสตรีทแมตช์เข้าด้วยกัน หลังจากนั้นไม่นาน Kendall Jenner ดึงตัวสไตลิสต์ของ Beyoncé อย่าง Marni Senofonte ซึ่งในช่วงที่ทั้งสองร่วมงานกันนั้น สไตล์ของ Kendall Jenner เปรี้ยวขึ้นแบบหน้ามือเป็นหลังมือ Marni Senofonte ดึงความเซ็กซี่และแฟชั่นของตัวเธอออกมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ในช่วงที่ Marni Senofonte ทำงานกับ Kendall Jenner เราจะมีโอกาสเห็นเธอสวมชุดสไตล์ Naked Dress อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งผู้อยู่เบื้องหลังก็คือ Marni Senofonte ผู้นี้นี่เอง
ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หากใครสังเกตจะเห็นว่าสไตล์ของ Kendall Jenner ตอนนี้นิ่งขึ้น โตขึ้น และเท่มากขึ้น เพราะเธอได้ใช้สไตลิสต์คนใหม่ Dani Michelle มาช่วยสร้างลุคแบบ Je ne sais quoi สไตล์สุด Effortless เน้นดีไซน์เรียบโก้ และแบรนด์นิชคลื่นลูกใหม่อย่าง The Row, Peter Do หรือ Khaite แต่ไม่ว่าสไตล์ของเธอจะเปลี่ยนไปในทางไหน เธอก็เอาอยู่ทั้งหมด และได้รับคำชมเสมอในเรื่องของสไตล์ส่วนตัว
MEGA INFLUENCER
แค่เธอคนเดียวก็มียอดผู้ติดตามเกิน 200 ล้านฟอลโลเวอร์ แต่ถ้ารวมบ้าน Kardashian-Jenner ทั้งหมดเข้าด้วยกัน ก็มากกว่าพันล้านฟอลโลเวอร์เลยทีเดียว ไม่ต้องแปลกใจที่ไม่ว่าเธอจะหยิบจับทำอะไรก็เป็นข่าวและได้รับความสนใจเสมอ จนบางครั้งกลายเป็นกระแสไปทั่วโลก
ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เธอเปิดตัวลุคใหม่กับผมสีแดงคอปเปอร์ที่ย้อมพิเศษเพื่อโชว์ของ Prada โดยเฉพาะ แม้ว่าสีผมนี้จะไม่ใช่อะไรใหม่ แต่กระแสของเธอทำให้สีผมนี้มีเซเลบริตี้ทำตามหลายต่อหลายคน จนเกิดเป็นเทรนด์สีผมใหม่ไปทั่วโลก รวมถึงงาน The Met Gala ล่าสุด Kendall Jenner มาพร้อมเทรนด์แต่งหน้าย้อมขนคิ้วสีทองที่กลายเป็นไวรัลในทันที ไม่ใช่แค่นั้นเธอยังปรากฏตัวในชุดของ The Row และ Khaite อยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าทั้งสองจะยอมจ่ายเงินให้เธอใส่หรือไม่ แต่ทั้งคู่ได้แอร์ไทม์ไปเต็มๆ เพราะไม่ใช่แค่เป็นที่รู้จักมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ต้องการมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ENTREPRENEUR SPIRIT
อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า ตอนนี้นอกจากอาชีพนางแบบแล้ว Kendall Jenner ยังทำธุรกิจอย่างอื่นด้วย ที่ชัดที่สุดก็คือ 818 Tequila แบรนด์เครื่องดื่มเตกิลาที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก หลังเปิดตัวไม่นานสามารถขึ้นแท่นเป็นเครื่องดื่มเตกิลาที่ขายดีที่สุดในอเมริกาปี 2021 ครอบครัวของเธอทุกคนมีธุรกิจเป็นของตัวเองทั้งนั้น ไม่แปลกใจที่จะปูทางให้ Kendall Jenner ตามรอยคนอื่นๆ เช่นเดียวกัน ก่อนหน้าเตกิลาเธอก็มีแบรนด์เสื้อผ้า KENDALL + KYLIE ที่ทำร่วมกับน้องสาว Kylie Jenner ทั้งคู่ยังต่อยอดมาทำคอลลาบอเรชันคอลเล็กชันเครื่องสำอางด้วยกันอีกกับ Kendall x Kylie Cosmetics นอกจากนี้เธอยังเคยทำคอลเล็กชันเสื้อผ้าพิเศษร่วมกับ About You และแบรนด์ยาสีฟัน Moon และอีกหนึ่งบทบาทที่เธอเริ่มเมื่อไม่นานมานี้คือหน้าที่ครีเอทีฟไดเรกเตอร์แบรนด์อีคอมเมิร์ซชื่อ FWRD โดยเธอรับหน้าที่ช่วยเลือกไอเท็ม รวมถึงดูแลแคมเปญหลักให้กับแบรนด์อีกด้วย