×

อินเดียเปิดคูหาเลือกตั้ง กับ 7 ประเด็นน่าจับตาในศึกเลือกตั้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก

11.04.2019
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • การเลือกตั้งทั่วไปในอินเดียเปิดฉากขึ้นในวันที่ 11 เมษายน และจะดำเนินไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม เนื่องจากอินเดียเป็นประเทศขนาดใหญ่และมีประชากรมาก ดังนั้นการเลือกตั้งจึงมีความซับซ้อนและใช้เวลานานกว่าประเทศอื่นๆ
  • ศึกเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้มีสิทธิลงคะแนนกว่า 900 ล้านคน หรือมากกว่า 3 เท่าของประชากรทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา และคาดว่าจะมีผู้ไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงครั้งแรก (New Voters) มากกว่า 15 ล้านคน
  • สนามเลือกตั้งเป็นการชิงชัยระหว่างสองพรรคใหญ่คือ พรรคบีเจพี และพรรคคองเกรส โดยพรรคบีเจพี หรือภารตียชนตา เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล นำโดย นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ซึ่งเป็นพรรคชาตินิยมฮินดู ส่วนพรรคคองเกรสเป็นพรรคแกนนำฝ่ายค้าน นำโดย นายราหุล คานธี สมาชิกคนสำคัญของตระกูลการเมืองคานธี
  • แม้การเลือกตั้งในอินเดียจะใช้เวลานานนับเดือน แต่การนับคะแนนจะนับพร้อมกันในวันที่ 23 พฤษภาคม และจะเสร็จสิ้นภายในวันเดียว เนื่องจากเป็นระบบโหวตโดยใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ ณ คูหาเลือกตั้ง ไม่ใช่การกากบาท ทำให้สามารถรวบรวมคะแนนได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และน่าเชื่อถือ

นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ อินเดียได้ผงาดขึ้นเป็นประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะนอกจากจะเป็นประเทศที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่แล้วยังมีประชากรในขณะนั้นกว่า 330 ล้านคน ดังนั้นด้วยขนาดของประชากรและความหมายของประชาธิปไตยที่ว่าประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจสูงสุด จึงทำให้อินเดียกลายเป็นประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลก จนมาถึงยุคสมัยปัจจุบัน ประชากรอินเดียเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า เป็นจำนวนราว 1.3 พันล้านคนทั่วโลก อินเดียไม่ได้ใหญ่โตในแง่ของความเป็นประชาธิปไตยอย่างเดียว แต่ยังถือว่ามีเสถียรภาพมากอีกด้วย

 

ด้วยความเป็นประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทุกครั้งเมื่อมีการเลือกตั้งทั่วไปที่อินเดียจึงเป็นที่จับตาไปทั่ว เพราะถือเป็นการเลือกตั้งระดับช้าง มีความน่าสนใจทั้งในแง่ของระบบและวิธีการบริหารจัดการการเลือกตั้งที่ใหญ่โตมโหฬาร การแข่งขันขับเคี่ยวทางการเมืองระหว่างพรรคการเมืองใหญ่ คะแนนนิยมและกระแสมวลชน รวมถึงการเทียบกับการเลือกตั้งครั้งก่อน ฯลฯ

 

โดยการเลือกตั้งในครั้งนี้จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน และดำเนินไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ด้วยเหตุนี้บรรยากาศทางการเมืองที่อินเดียในขณะนี้จึงคึกคักและจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ชนิดที่ว่าฟาดฟันกันอย่างสนุกและสูสีที่สุดอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อการติดตามศึกเลือกตั้งอินเดียอย่างเข้าใจและได้อรรถรสยิ่งขึ้น ผู้เขียนจึงขอนำเสนอข้อมูลที่น่าจับตาของการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งแยกเป็นประเด็นได้ดังนี้

 

 

1. จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากที่สุดในโลก

การเลือกตั้งในปี 2019 นี้มีผู้มีสิทธิลงคะแนนกว่า 900 ล้านคน หรือมากกว่า 3 เท่าของประชากรทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

 

สำหรับการเลือกตั้งครั้งก่อนในปี 2014 ยอดผู้มีสิทธิลงคะแนนอยู่ที่ 830 ล้านคน มีผู้ไปใช้สิทธิ 550 ล้านคน คิดเป็น 66% ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้คาดว่าจะมีผู้ไปใช้สิทธิลงคะแนนครั้งแรก (New Voters) กว่า 15 ล้านคน จำนวนหน่วยเลือกตั้งมีมากกว่า 1.3 ล้านหน่วย เพื่อรับประกันว่าประชาชนจะไม่ต้องดั้นด้นเดินทางจากบ้านไปยังหน่วยเลือกตั้งไกลกว่า 2 กิโลเมตร โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งอินเดียประกอบด้วยกรรมการเพียง 3 คน โดยมีพนักงานประจำ 300 คน และมีเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศกว่า 5 ล้านคน

 

 

2. ศึกช้างชนช้าง

การเลือกตั้งในปีนี้จะเป็นการชิงชัยระหว่างสองพรรคใหญ่คือพรรคบีเจพีและพรรคคองเกรส โดยพรรคบีเจพี หรือภารตียชนตา เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล นำโดย นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ซึ่งเป็นพรรคชาตินิยมฮินดู ส่วนพรรคคองเกรสเป็นพรรคแกนนำฝ่ายค้าน นำโดย นายราหุล คานธี สมาชิกคนสำคัญของตระกูลการเมืองคานธี นายราหุลเป็นบุตรของนายราจีฟ คานธี เป็นหลานย่าของนางอินทิรา คานธี เป็นเหลนของนายยวาหระลาล เนห์รู บรรพบุรุษของนายราหุลทุกคนที่กล่าวมาล้วนเคยเป็นนายกรัฐมนตรีของอินเดีย

 

อย่างไรก็ตาม คาดกันว่าปัจจัยชี้วัดผลการเลือกตั้งครั้งนี้ นอกเหนือจากเสียงของพรรคใหญ่ทั้งสองแล้ว เสียงของพรรคขนาดเล็กก็มีความสำคัญอย่างมากเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพรรคระดับท้องถิ่น โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้มีพรรคการเมืองร่วมแข่งขันมากกว่า 450 พรรค และส่งผู้สมัครกว่า 8,300 คน

 

 

3. ระบบการเลือกตั้งของอินเดีย

อินเดียมีสองสภาคือราชสภาและโลกสภา ราชสภาคือสภาสูง สมาชิกราชสภาหรือวุฒิสภามาจากการแต่งตั้ง ส่วนโลกสภาคือสภาล่างหรือสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีสมาชิกมาจากการเลือกตั้ง

 

สภาผู้แทนราษฎรของอินเดียมี ส.ส. จากการเลือกตั้ง 543 คน และอาจจะมี ส.ส. จากการแต่งตั้งอีก 2 คน โดยประธานาธิบดีจะแต่งตั้ง ส.ส. จากชุมชนชาวอินเดียที่มีบรรพบุรุษเป็นชาวอังกฤษ เรียกกว่าแองโกล-อินเดียน ในกรณีที่ไม่มีตัวแทนกลุ่มนี้จากการเลือกตั้งเพื่อประกันสิทธิแก่ชนกลุ่มน้อย ดังนั้นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอินเดียอาจมีจำนวน 543 หรือ 545 คน (สภาผู้แทนราษฎรอินเดียหลังการเลือกตั้งปี 2014 มี ส.ส. รวม 545 คน)

 

สำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นของพรรคที่มีจำนวนที่นั่ง ส.ส. มากที่สุด พรรคที่มีจำนวน ส.ส. เกินกึ่งหนึ่งคือ 272 คนจะได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่หากไม่มีพรรคใดได้จำนวน ส.ส. เกินกึ่งหนึ่ง พรรคที่มีจำนวน ส.ส. มากในสภาสามารถรวมเสียงพรรคอื่นๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้

 

พรรคบีเจพีส่งนายนเรนทราเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งในอดีตเขาเคยนำพรรคบีเจพีชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลายในปี 2014 กวาดที่นั่งในสภาไปกว่า 282 ที่นั่ง ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ส่งผลให้สามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ แต่บีเจพีก็ไปจับมือกับพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กอื่นๆ ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเพื่อให้มีเสถียรภาพทางการเมือง ทำให้มีจำนวนผู้แทนฝ่ายรัฐบาลกว่า 341 คน และมี ส.ส. ฝ่ายค้าน 204 คน

 

อินเดียไม่ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อพรรคหรือปาร์ตี้ลิสต์ ส.ส. อินเดียจะต้องมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเท่านั้น

 

 

4. ผลงานที่ผ่านมาคือตัวชี้วัดการเลือกตั้ง

นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี จากพรรคบีเจพีได้ชื่อว่าเป็นนายกฯ เจ้าโปรเจกต์ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเขาได้ริเริ่มโครงการต่างๆ มากมาย เช่น โครงการ Make in India ที่ต้องการเพิ่มศักยภาพการผลิตภายในประเทศ โครงการพัฒนาด้านอวกาศ โครงการอินเดียสะอาด โครงการเพิ่มห้องน้ำ โครงการแม่น้ำคงคาสะอาดภายในปี 2020 โครงการเหล่านี้มีทั้งประสบความสำเร็จอย่างโครงการพัฒนาอวกาศ และโครงการที่อาจไม่เป็นตามเป้าอย่างโครงการแม่น้ำคงคาสะอาด

 

แม้เศรษฐกิจของอินเดียกำลังเติบโตอย่างมั่นคง แต่ก็มีปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม ปัญหาปากท้องของคนยากจน และปัญหาการว่างงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งนี่คือบาดแผลของนายนเรนทราในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคแกนนำฝ่ายค้านอย่างคองเกรสได้แต้มต่อจากผลงานที่สอบตกในบางโครงการของพรรคบีเจพี อย่างไรก็ตาม เป็นที่คาดการณ์ว่าพรรคบีเจพีมีโอกาสชนะการเลือกตั้ง แต่จะได้จำนวน ส.ส. น้อยกว่าครั้งก่อนมาก และอาจไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้พรรคคองเกรสร่วมมือกับพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กจัดตั้งรัฐบาลได้

 

 

5. การเลือกตั้งที่ยาวนานกว่า 1 เดือน แต่นับคะแนนเสร็จภายใน 1 วัน

เนื่องจากอินเดียเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่โตและมีจำนวนประชากรกว่า 1.3 พันล้านคน มีผู้มีสิทธิออกเสียง 900 ล้านคน ทำให้คณะกรรมการการเลือกตั้งอินเดียต้องใช้เวลาในการจัดการเลือกตั้งนานกว่า 1 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน ไปจนสิ้นสุดวันที่ 19 พฤษภาคม

 

ในรัฐที่มีประชากรมากจะจัดการเลือกตั้งหลายวัน แต่ไม่เกิน 7 วัน ขึ้นอยู่กับขนาดของประชากรในรัฐนั้นๆ โดยหลายพื้นที่จะจัดการเลือกตั้งในช่วงเวลาที่แตกต่างกันด้วย

 

สำหรับกรุงเดลีจะจัดการเลือกตั้งให้เสร็จสิ้นภายใน 1 วัน (วันที่ 12 มิถุนายน) ในขณะที่รัฐอุตตรประเทศจัดการเลือกตั้งทั้งหมด 7 วันในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน (11-18-23-29 เมษายน และ 6-12-19 พฤษภาคม)

 

ส่วนการนับคะแนนนั้นจะนับพร้อมกันในวันที่ 23 พฤษภาคม และจะเสร็จสิ้นภายในวันเดียว เนื่องจากเป็นระบบโหวตโดยใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ ณ คูหาเลือกตั้ง ไม่ใช่การกากบาท ทำให้สามารถรวบรวมคะแนนได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และน่าเชื่อถือ

 

6. นวัตกรรมในการลงคะแนนและนับคะแนน

อินเดียเริ่มนำเครื่องลงคะแนนเสียงอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Voting Machine – EVM) มาใช้ในการเลือกตั้งปี 1999 ทดแทนการลงคะแนนเสียงแบบกากบาทลงในบัตรเลือกตั้ง ข้อดีของเครื่อง EVM คือน่าเชื่อถือ ยุติธรรม รวดเร็ว และประหยัด แต่ละเครื่องมีราคาเพียง 6,000 บาท เป็นเครื่องลงคะแนนระบบปิด ไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตหรือสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ใดๆ

 

ในการเลือกตั้งปี 2019 นี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งอินเดียได้ปรับปรุงระบบการลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ให้ทันสมัยและน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยนำ ‘ระบบการยืนยันคะแนนเสียงที่เลือก’ (Voter-Verified Paper Audit Trail – VVPAT) มาใช้ เมื่อผู้ลงคะแนนกดปุ่มลงคะแนนจะมีกระดาษพิมพ์ออกมา โดยระบุชื่อของผู้สมัครรับเลือกตั้ง หมายเลขที่เลือก และสัญลักษณ์ของผู้สมัครหรือพรรคให้ผู้ลงคะแนนตรวจสอบ แต่ผู้ลงคะแนนไม่สามารถนำกระดาษนี้ออกจากเครื่องได้ เพราะจะมีกระจกครอบไว้ คะแนนที่บันทึกในกระดาษจะนำไปสุ่มเพื่อตรวจสอบกับผลการลงคะแนนแต่ละหน่วยเลือกตั้งเมื่อนับคะแนน

 

7. รัฐอุตตรประเทศคือตัวชี้วัด ผู้ครองรัฐนี้คือผู้ชนะ

อินเดียประกอบด้วย 29 รัฐ และ 7 ดินแดนสหภาพ แต่ละรัฐมีขนาดประชากรแตกต่างกัน ทำให้มีจำนวน ส.ส. แตกต่างกัน

 

รัฐที่มีจำนวนประชากรมากจะมี ส.ส. มาก รัฐอุตตรประเทศตั้งอยู่ทางตอนเหนือติดกับกรุงเดลี มีประชากรมากกว่า 200 ล้านคน (หากรัฐอุตตรประเทศเป็นประเทศหนึ่งจะมีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 5 ของโลก) เป็นรัฐที่มีสัดส่วน ส.ส. 80 คน มากที่สุดของอินเดีย ที่ผ่านมาพรรคใดสามารถชนะการเลือกตั้งในรัฐนี้ พรรคนั้นจะมีโอกาสชนะการเลือกตั้งรวมและจัดตั้งรัฐบาล (การเลือกตั้งปี 2014 พรรคบีเจพีชนะการเลือกตั้ง 71 ที่นั่งจากรัฐอุตตรประเทศ) ส่วนรัฐอื่นๆ ที่มีจำนวน ส.ส. มาก ได้แก่ มหาราษฏระ (48 ที่นั่ง), เบงกอลตะวันตก ( 42 ที่นั่ง), พิหาร (40 ที่นั่ง) และทมิฬนาฑู (39 ที่นั่ง)

 

ขณะที่ท่านกำลังอ่านอยู่นี้ เทศกาลการเลือกตั้งที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้เริ่มขึ้นแล้วที่อินเดีย การออกไปโหวตของผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 900 ล้านคนคือการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในวิถีประชาธิปไตยแบบเสรีนิยมที่ทุกเสียงของประชาชนนั้นมีความหมายและได้รับการรับฟัง อินเดียเป็นตัวอย่างให้แก่ประเทศที่ปกครองระบอบประชาธิปไตย มีระบบการเมืองที่มั่นคงและโปร่งใส มีระบบการตรวจสอบถ่วงดุลที่มีคุณภาพ ขอแสดงความยินดีกับชาวอินเดียที่จะได้ใช้สิทธิเลือกตั้งตลอด 1 เดือนนับจากนี้

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X