หนึ่งในรูปแบบคอนเทนต์ที่แพลตฟอร์มสตรีมมิงทุกค่ายต่างเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นก็คงหนีไม่พ้นเนื้อหาเกี่ยวกับบริบทชีวิตและแง่มุมต่างๆ ของกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ซีรีส์ ภาพยนตร์ สารคดี วาไรตี้ หรือแม้แต่แอนิเมชันที่เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น โดยสำหรับแพลตฟอร์มอย่าง Disney+ เองก็มีหลายรายการที่ได้ช่วยหล่อหลอม สร้างแรงบันดาลใจ และมีความสำคัญต่อช่วง Coming of Age ของชาว LGBTQ+ ไม่มากก็น้อย ทั้งสำหรับรุ่นก่อนๆ หรือเด็กปัจจุบัน
และเนื่องด้วยเดือนมิถุนายนเป็นเดือน Pride และทาง Disney+ เองก็จะเปิดตัวปลายเดือนนี้พอดี ทาง THE STANDARD POP เลยรวบรวมรายการบางส่วนของทางแพลตฟอร์มที่มีตัวละครหรือนำเสนอเรื่องราวของกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งเราเชื่อว่าในอนาคตหากเราต้องมาอัปเดตลิสต์นี้อีกครั้ง ก็คงมีอีกหลายรายการที่โฟกัสและเฉลิมฉลองเรื่องความหลากหลายทางเพศอย่างแน่นอน
Out (2020)
เป็นแอนิเมชันเรื่องแรกของค่าย Pixar ที่มีตัวละครนำเป็นเกย์ โดย Out อยู่ภายใต้โปรเจกต์ ‘SparkShorts’ กำกับโดย สตีเวน เคลย์ ฮันเตอร์ ที่เคยฝากผลงานไว้ในเรื่อง Finding Nemo และ WALL·E มาก่อน ซึ่งเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ เกร็ก ที่กำลังวิตกกังวลที่จะเปิดเผยสถานะตัวเอง (Come Out) กับพ่อแม่ หลังมีแฟนหนุ่มที่ชื่อ มานูเอล และทั้งคู่กำลังเตรียมย้ายไปอยู่ในเมืองใหญ่ด้วยกัน โดยความวิตกกังวลก็เพิ่มขึ้นหลังพ่อแม่เซอร์ไพรส์เกร็กเพื่อจะมาช่วยเก็บของที่บ้าน
The Princess Diaries 2: Royal Engagement (2004)
หลายคนอาจงงและสงสัยว่าในภาพยนตร์ภาคต่อสุดคลาสสิกเรื่องนี้มีตัวละคร LGBTQ+ ด้วยเหรอ ซึ่งที่จริงมี แม้จะปรากฏตัวแค่ 2 วินาที! โดยในฉากหนึ่งที่เจ้าหญิง Mia (แสดงโดย แอนน์ แฮทธาเวย์) กำลังดูรูปผู้ชายต่างๆ เพื่อเลือกมาเป็นคู่ครอง เธอก็บอกว่าผู้ชายที่ชื่อ Antoine Suisson จากฝรั่งเศสที่เล่นฮาร์ปได้หน้าตาดูน่ารัก ซึ่ง Joe (แสดงโดย เฮคเตอร์ เอลิซอนโด) ที่เป็นหัวหน้าหน่วยรักษาการปลอดภัยก็ตอบว่า “แฟนหนุ่มของเขาก็คิดว่าเขาน่ารักเหมือนกัน” ซึ่งทางเจ้าหญิง Mia ก็บอกว่า “เยี่ยม!” และราชินี Clarisse Renaldi (แสดงโดย จูลี แอนดรูส์) ก็บอกให้เชิญเขามางานที่พระราชวัง ซึ่งก็ทำให้รู้ว่าดินแดนประเทศ Genovia ไม่ได้มีการเหยียดเพศอะไรทั้งสิ้น
Beauty and the Beast (2017)
แม้ในเวอร์ชันแอนิเมชันของเรื่องนี้เมื่อปี 1991 จะไม่ได้มีการพูดถึงตัวละคร LGBTQ+ แต่มาในเวอร์ชันรีเมกที่นำแสดงโดย เอ็มมา วัตสัน 26 ปีต่อมา ทางผู้กำกับของเรื่อง บิลล์ คอนดอน ก็บอกว่า ตัวละคร LeFou (แสดงโดย จอช แกด) เป็นชาว LGBTQ+ ซึ่งก็สร้างกระแสฮือฮา และเมื่อภาพยนตร์ถูกปล่อยออกมา ก็มีฉากที่ LeFou เหมือนจีบและหลงใหลคู่ซี้อย่าง Gaston (แสดงโดย ลุค อีแวนส์) และยังมีฉากเต้นรำคู่กับผู้ชายตอนท้ายเรื่อง โดยถึงแม้ตัวละคร LeFou จะยังไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจนว่าตัวตนเขาเป็นอะไรในภาพยนตร์ แต่ก็ต้องรอลุ้นว่าพอซีรีส์ Spin-Off ตัวละครนี้ที่จะเริ่มถ่ายทำปีหน้าและฉายทาง Disney+ จะมีการพูดถึงประเด็นนี้เพิ่มเติมมากน้อยเพียงใด
Andi Mack (2017)
ในซีซันสุดท้ายของซีรีส์ครอบครัวชื่อดังเรื่อง Andi Mack ตัวละคร Cyrus Goodman (แสดงโดย โจชัว รัช) ก็ได้เปิดเผยว่าเขาเป็นเกย์ ซึ่งก็ทำให้ตัวละคร Cyrus เป็นตัวละครนำตัวแรกของ Disney Channel ในประวัติศาสตร์ที่เปิดเผยสถานะและพูดว่า “I’m Gay” ซึ่งในเรื่อง Andi Mack เราจะได้เห็นพัฒนาการของตัวละคร Cyrus จากที่ตอนแรกกลัวที่จะบอกว่าตัวเองเป็นเกย์ จนถึงเริ่มมีความมั่นใจและมีแฟนที่ชื่อ TJ ด้วย
Howard (2020)
หนึ่งในสารคดีที่ห้ามพลาดบน Disney+ และอาจทำให้เสียน้ำตา พร้อมได้แรงบันดาลใจ ก็คือเรื่อง Howard ที่เล่าชีวประวัติของ ฮาวเวิร์ด แอชมาน นักแต่งเพลงมือทองของค่าย Disney และเจ้าของรางวัลออสการ์สองตัว ผู้อยู่เบื้อหลังเพลงประกอบแอนิเมชันสุดอมตะ ทั้ง The Little Mermaid, Beauty and the Beast และ Aladdin แต่แอชมานเสียชีวิตอย่างกะทันหันในวัย 40 ปีจากโรคเอดส์เมื่อปี 1991 ซึ่งที่งาน Oscars ปี 1992 แฟนหนุ่มของเขา บิล เลาช์ ก็ได้ขึ้นรับรางวัลแทน และทำให้แอชมานเป็นผู้ชนะออสการ์คนแรกที่เสียชีวิตจากโรคเอดส์
Onward (2020)
แม้จะเป็นแค่บทตัวละครสมทบเล็กๆ แต่แฟนภาพยนตร์แอนิเมชันค่าย Pixar ก็น่าจะจำตัวละครเจ้าหน้าที่ตำรวจ Officer Specter จากเรื่อง Onward ได้ดี ซึ่งเป็นตัวละครแรกของค่ายแอนิเมชันที่เปิดเผยว่าเป็นเลสเบี้ยน โดยคนที่มาพากย์เสียงก็คือ ลีนา เวธ นักแสดงและนักเขียนบทชื่อดังที่ตัวเธอเองก็เป็นเลสเบี้ยนและสร้างประวัติศาสตร์โดยการเป็นผู้หญิงผิวดำคนแรกที่สามารถชนะรางวัล Emmy Awards สาขาเขียนบทคอเมดี้ยอดเยี่ยมได้ด้วย
High School Musical: The Musical: The Series (2019)
ปิดท้ายด้วยซีรีส์ที่เชื่อว่าคอดนตรีป๊อปหลายคนจะรีบดูเป็นรายการแรกบน Disney+ สำหรับเรื่อง High School Musical: The Musical: The Series (2019) ที่ช่วยแจ้งเกิดนักร้องสาว โอลิเวีย ร็อดริโก เจ้าของเพลง Drivers’ License และ Good 4 U โดยในซีรีส์เรื่องนี้ก็จะมีคู่เกย์กับตัวละคร Carlos Rodriguez (แสดงโดย แฟรงกี้ เอ. โรดริเกซ) และ Seb Matthew-Smith (แสดงโดย โจเซฟ เซราฟินี) ซึ่งในชีวิตจริงทั้งคู่ก็คบหากันอยู่ด้วย
สำหรับแพ็กเกจสมาชิก Disney+ Hotstar ราคาปีละ 799 บาท (เดือนละ 99 บาท) พิเศษสำหรับลูกค้า AIS สามารถสมัครล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 8-27 มิถุนายน พิเศษ 35 บาทต่อเดือน พร้อมรับสิทธิ์เพิ่ม 1 เดือน สมัคร *111
