วันนี้ (22 ตุลาคม) ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง แนวทางการรับนักเดินทางแบบไม่กักตัวและไม่จำกัดพื้นที่ สำหรับนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศเสี่ยงต่ำ และประเทศที่มีผลต่อเศรษฐกิจสูงตามแนบท้ายคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2564 มีเงื่อนไขหลักๆ ใน 6 ขั้นตอน ได้แก่
- ชาวต่างชาติและคนไทย ที่เดินทางมาจากประเทศที่กำหนดทางอากาศ กรณีมาจากกลุ่มประเทศอื่น ให้พำนักในประเทศที่กำหนดอย่างน้อย 21 วัน ก่อนเดินทางมาไทย
- มีเอกสารหรือหลักฐานรับรองการได้รับวัคซีน (Certificate of Vaccination) ครบตามเกณฑ์ที่ผู้ผลิตวัคซีนกำหนด ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยา หรือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก หรือตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
กรณีเคยติดเชื้อ และได้รับวัคซีน 1 เข็มในช่วง 3 เดือนหลังติดเชื้อ (เป็นประเทศที่กระทรวงต่างประเทศตรวจสอบว่าใบรับรองการติดเชื้อแบบเป็นทางการ) เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนออกเดินทาง ยกเว้นผู้มีอายุต่ำกว่า 12 ปี ที่ไม่อยู่ในเกณฑ์การได้รับวัคซีน และเดินทางมาพร้อมกับผู้ปกครอง
- มีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางไม่พบเชื้อโรคโควิด โดยวิธี RT-PCR โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง กรณีตรวจพบการติดเชื้อ ต้องมีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าเคยติดเชื้อมาก่อนในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และทำประกันสุขภาพอย่างน้อย 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ
- มีใบจองที่พักโรงแรม อาจเป็นสถานกักกันที่ทางราชการกำหนด (AQ, OQ, AHQ) หรือโรงแรมที่เป็น SHA+ ที่มีโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการสำหรับตรวจหาเชื้อในวันแรกที่มาถึง โดยรวมค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อโควิดด้วยวิธี RT-PCR
- เมื่อเดินทางมาถึงท่าอากาศยาน โหลดแอปพลิเคชันหมอชนะ (ภาษาอังกฤษ) เดินทางโดยรถที่จัดไว้โดยมีการกำกับการเดินทาง เพื่อเข้าพักตามโรงแรมที่จองไว้ โรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการทำการตรวจหาเชื้อโควิด โดยวิธี RT-PCR ในวันที่ 0-1 โดยผู้เดินทางรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง และต้องอยู่ในโรงแรมจนได้รับผลการตรวจอย่างเป็นทางการ
- เมื่อผลการตรวจหาเชื้อ ไม่พบเชื้อ สามารถเดินทางได้ตามความต้องการ และจะพักในโรงแรมที่จองและจ่ายเงินไว้แล้วล่วงหน้า หรือกลับไปพักที่บ้าน (กรณีมีที่พำนักในไทย) ก็ได้ โดยโรงแรมจะแนะนำให้สังเกตอาการอย่างน้อย 7 วัน หากมีอาการ ให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อจากโรงพยาบาลใกล้ที่พัก หรือตรวจ ATK ที่โรงแรม หากพบเชื้อรายงานเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่
สนามบินที่ปัจจุบันมีการบินระหว่างประเทศ ได้แก่
- ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
- ท่าอากาศยานดอนเมือง
- ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต
- ท่าอากาศยานนานาชาติสมุย
- ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา (มีเที่ยวบิน Charter เท่านั้น)
- ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ (มีเที่ยวบิน Charter เท่านั้น)
สนามบินที่แจ้งความพร้อมแล้ว แต่ยังไม่มีเที่ยวบินระหว่างประเทศ ได้แก่
- ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่
- ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่
- ท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี
หมายเหตุ: ทั้งสามสนามบินจะยืนยันในวันที่ 27 ตุลาคมนี้
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ประมาณการแผนการเปิดประเทศของรัฐบาลในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 แบบไม่ต้องกักตัว
- ทำให้เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวกลับมาฟี้นตัว โดยในไตรมาสที่ 4/64 และ ไตรมาสที่ 1/65 ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซัน)
- ไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน
- ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยจะเติบโตในรูปแบบตัววี (V)
- ปี 2565 จะมีรายได้ประมาณ 50% ของปี 2562 ที่มีรายได้ 2 ล้านล้านบาท และมีรายได้เพิ่ม 80% ของปี 2562 ในปี 2566