ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็วเกินกว่าที่มนุษย์จะรับมือทัน คำถามสำคัญจึงไม่ใช่ว่า เราจะสร้างเทคโนโลยีได้ล้ำแค่ไหน แต่คือ ‘เราจะใช้เทคโนโลยีช่วยทำให้ชีวิตของผู้คนง่ายขึ้นได้อย่างไร’
นี่คือจุดตั้งต้นของงาน ‘Krungsri Tech Day 2025’ เวทีที่กรุงศรี ต้องการสะท้อนวิสัยทัศน์ด้านนวัตกรรม ภายใต้ธีม ‘Empower People to Make Life Simple’ แนวคิดที่มองเทคโนโลยีไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่คือ ‘พลังของการเปลี่ยนแปลง’ ที่ทำให้ชีวิตผู้คน ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยไหนหรือมีไลฟ์สไตล์อย่างไร สามารถทำงานได้ฉลาดขึ้น ใช้ชีวิตได้เรียบง่ายขึ้น และเติบโตได้มั่นคงขึ้น
เคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวในพิธีเปิดว่า “ปีนี้เป็นปีพิเศษของกรุงศรี ครบรอบ 80 ปีแห่งการเติบโตเคียงข้างผู้คน ธุรกิจ และชุมชน และเราตระหนักดีว่า หากต้องการก้าวต่อไปในทศวรรษหน้า ‘การพัฒนา’ เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ‘การเปลี่ยนแปลง’ คือสิ่งจำเป็น” เขาย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงต้องเกิดขึ้นในทุกมิติขององค์กร ตั้งแต่วิธีการทำงาน การร่วมมือ ไปจนถึงแนวทางการส่งเสริมชีวิตผู้คนให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
สำหรับกรุงศรี การลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลจึงไม่ได้มุ่งเพียงเพิ่มประสิทธิภาพหรือความรวดเร็ว แต่คือการ ‘ยกระดับประสบการณ์ชีวิตของผู้คน’ ผ่านบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้า สร้างความเชื่อมั่น และเสริมศักยภาพให้ธุรกิจและชุมชนเติบโตไปด้วยกัน

เคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
เคนอิจิยังกล่าวขอบคุณพันธมิตรและพาร์ตเนอร์ด้านเทคโนโลยีที่ร่วมกันขับเคลื่อนวิสัยทัศน์นี้ พร้อมหวังว่า Krungsri Tech Day 2025 จะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนมองเทคโนโลยีในมุมใหม่ ไม่ใช่เพียงเครื่องมือ แต่คือพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เข้าใจและส่งเสริมชีวิตผู้คนอย่างแท้จริง
สรุป 5 Key takeaway ที่ได้จากงาน Krungsri Tech Day 2025
1. Empower People to Make Life Simple: การเปลี่ยนผ่านทั้ง ‘เทคโนโลยี’ และ ‘ผู้คน’
สายสุนีย์ หาญประเทืองศิลป์
ประธานกลุ่มสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มองว่า “การวางรากฐานอนาคตที่ยั่งยืน ต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกัน ทั้งเทคโนโลยีและผู้คน”

สำหรับกรุงศรีการเดินหน้าสู่อนาคตที่ยั่งยืนไม่ได้หมายถึงการลงทุนในเทคโนโลยีที่ล้ำที่สุดเท่านั้น แต่คือการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ใช้งานได้จริง และตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างปลอดภัย มั่นคง และต่อเนื่อง (Safe, Secure, Stable) ควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพของ ‘ผู้คน’ ทั้งลูกค้าและบุคลากรภายในองค์กร ที่เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนโซลูชัน แพลตฟอร์ม และผลิตภัณฑ์ให้เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน
เพราะการทำให้ชีวิตลูกค้าง่ายขึ้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อกรุงศรีต้องดูแลลูกค้าหลากหลาย ตั้งแต่บุคคลธรรมดา ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่และต่างประเทศ กรุงศรีจึงวางแผนการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีระยะยาว ผ่าน Transformation Journey 3 ช่วงสำคัญ ได้แก่
- 2018-2020: Go Digital, Make Life Simple เดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์ม ทำให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้น
- 2021-2023: Modernized IT Organization ปรับโครงสร้างพื้นฐานด้วยนวัตกรรมเพื่อการเติบโตและยั่งยืนทั่วทั้งภูมิภาค
- 2024-2026: Transform to Grow วางฐานข้อมูล Open Banking, Data, AI และ Cloud เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำขับเคลื่อนเทคโนโลยีอย่างยั่งยืน
พร้อมกันนี้ยังได้เสริมพลังองค์กรภายในด้วยโครงสร้างใหม่ 3 หน่วยงาน ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อน Digital Platform และโครงสร้างพื้นฐาน ให้มีความยืดหยุ่น รองรับบริการใหม่ ๆ และต่อยอดด้วยศักยภาพของ Generative AI และ Agentic AI
สิ่งสำคัญที่กรุงศรีมุ่งทำต่อไป คือการสร้างกติกาการใช้ AI อย่างมีธรรมาภิบาล หรือ AI Governance โดยให้ความสำคัญกับจริยธรรมของ AI ผ่านการจัดตั้ง Centre of Excellence (COE) เพื่อทำหน้าที่เป็นกลไกกลางในการกำกับดูแล พร้อมทั้งส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ภายในองค์กรไปพร้อมกัน
2. Reinventing the Workforce: การปฏิรูปแรงงานเพื่อพลิกอนาคตองค์กร
สถิติจาก World Economic Forum ชี้ว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า งานซ้ำ ๆ จะหายไปกว่า 92 ล้านตำแหน่งทั่วโลก แต่ในขณะเดียวกัน จะมีงานใหม่เกิดขึ้น 170 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy)
อภิชาติ อรุณคุณารักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอคเซนเชอร์ โซลูชั่นส์ จำกัด เปิดเผย

อภิชาติ อรุณคุณารักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอคเซนเชอร์ โซลูชั่นส์ จำกัด
คำถามสำคัญคือ เราจะอยู่ใน 170 ล้านตำแหน่งนั้นได้อย่างไร? คำตอบอยู่ที่การปรับองค์กรผ่าน 3 แนวทางหลัก
- Reinvent the Work: เปลี่ยนรูปแบบการทำงานจาก ‘เพิ่ม productivity’ เป็น ‘สร้างนวัตกรรม’ (Invent New Value)
- Reshape the Workforce: สร้างบทบาทและทักษะใหม่ให้พนักงาน เช่น Amazon Reskill พนักงาน 100,000 คน เพื่อให้พนักงานสามารถเลื่อนตำแหน่งไปทำงานที่ทักษะสูงขึ้นได้ หรือ Unilever ที่ออกแบบ Gig Model ให้พนักงานทำงานแบบโปรเจกต์ แต่ยังได้สวัสดิการเต็มรูปแบบ
- Prepare Workers: มอบเครื่องมือและความรู้ที่อัปเดตเท่าทันเทคโนโลยีให้กับพนักงาน เพราะ สิ่งที่เรียนวันนี้ อาจล้าสมัยในอีกปีข้างหน้า
3. Cyber security in the Age of AI, 5G & Quantum: การบริหารความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์
ในยุคที่ AI, 5G และ Quantum Computing พัฒนาอย่างรวดเร็ว Kevin O’Leary ASEAN Director Security, Resiliency Networks & Edge Practice, Kyndryl (Thailand) เตือนว่า
“ภัยคุกคามกำลังเปลี่ยนไปสู่รูปแบบที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกันมากขึ้น” หรือที่เรียกว่า Converged Risk
แม้หลายเทคโนโลยีจะมีข้อจำกัด เช่น Quantum Computing ต้องทำงานในอุณหภูมิใกล้ศูนย์สัมบูรณ์ หรือ 5G ที่ยังใช้ร่วมคลื่นกับ 4G แต่การโจมตีทางไซเบอร์เกิดขึ้นจริงแล้วในทุกภาคส่วน

Kevin O’Leary ASEAN Director Security, Resiliency Networks & Edge Practice, Kyndryl (Thailand)
Kevin O’Leary เสนอ 5 แนวทางบริหารความเสี่ยง:
- Zero Trust: ต้องเชื่อแต่ต้องตรวจสอบทุกอย่าง (Trust but Verify) ตั้งแต่ระดับตัวตน (Identity) โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ไปจนถึงการแบ่งเครือข่าย (Segmentation) ปัจจุบันหลายองค์กรยังใช้ Flat Network ซึ่งไม่มีการแยกส่วน ทำให้ผู้โจมตีเข้าถึงได้ง่าย
- ใช้ AI ตรวจสอบ AI: AI สามารถตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติของ AI ได้ดีที่สุด และช่วยรายงานภัยคุกคามได้
- Quantum-Safe Cryptography: เตรียมเครื่องมือที่สามารถสร้างการเข้ารหัสที่ทนต่อการโจมตีด้วย Quantum
- Quantum Key Distribution (QKD): ใช้เทคโนโลยีสื่อสารที่ปลอดภัย หรือ ใช้ Blockchain แทนระบบดั้งเดิม
- Supply Chain Security: ปิดช่องโหว่จากคู่ค้าและผู้ให้บริการภายนอกภายใต้โมเดล Zero Trust
ทั้งหมดนี้ต้องถูกนำมาประยุกต์รวมกัน เพื่อสร้าง Framework ป้องกันจากภัยทางไซเบอร์ในอนาคต
4. The Rise of Agentic AI: เมื่อ AI เริ่มคิดและทำได้ด้วยตัวเอง
วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ AWS Thailand Country Manager บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด และ สุรชัย อรรถมงคลชัย Hybrid IT Country Manager บริษัท ฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ (HPE) เห็นพ้องกันว่า
“AI กำลังก้าวจาก Generative AI ที่สร้างคำตอบ ไปสู่ Agentic AI ที่คิด วิเคราะห์ และลงมือทำ ได้เอง”
วัตสันเผยข้อมูลสำคัญว่า ปัจจุบันโครงการที่มีคำว่า AI มีโอกาสได้รับงบประมาณสูงถึง 49% และกว่า 60% ขององค์กรทั่วโลก ได้แต่งตั้งตำแหน่งใหม่อย่าง Chief AI Officer หรือ CAIO เพื่อกำหนดทิศทางและดูแลกลยุทธ์ด้านปัญญาประดิษฐ์โดยเฉพาะ

วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ AWS Thailand Country Manager บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด
Agentic AI จึงถูกมองว่าเป็นคลื่นลูกใหม่ของนวัตกรรม จากเดิมที่ AI เพียงแค่ช่วยสร้างคอนเทนต์สู่ยุคที่สามารถรับโจทย์ คิดแผน และดำเนินการหลายขั้นตอนแทนมนุษย์ได้ (Multi-step Reasoning) โดยมีองค์ประกอบสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ Memory (จดจำ), Reasoning (คิดวิเคราะห์) และ Acting (ลงมือทำ)

สุรชัย อรรถมงคลชัย Hybrid IT Country Manager บริษัท ฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ (HPE)
“Agentic AI จะมาเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของมนุษย์ และทำให้มนุษย์ใช้เวลาในการแก้ปัญหาน้อยลง ในอนาคต AI จะไม่เป็นเพียงผู้ช่วย แต่จะกลายเป็นผู้ร่วมงานของมนุษย์”
บัณฑิต เกียรติสิงห์นคร Business Solutions Architect บริษัท ซิสโก้ ซีสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริม
สิ่งสำคัญ คือ การเตรียมพร้อมด้านระบบเครือข่าย เพื่อให้มนุษย์และเทคโนโลยีทำงานด้วยกันได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย บัณฑิตยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์จาก Cisco อย่าง ‘AgenticOps’ ระบบ AI-driven สำหรับการดำเนินงาน IT ที่ผสาน real-time telemetry และ automation เพื่อสร้างการดำเนินงานอัจฉริยะแบบ end-to-end โดยยังมีทีม IT มีอำนาจควบคุม ระบบนี้ช่วยจะยกระดับประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการบริหารจัดการเครือข่ายขององค์กรอย่างสมบูรณ์ ทำให้งานดำเนินไปได้ด้วยดี
อย่างไรก็ตาม ความสามารถที่เพิ่มขึ้นของ AI ก็มาพร้อมกับ ‘ความเสี่ยงรูปแบบใหม่’ เพราะ AI ไม่ได้ให้คำตอบที่ถูกต้องเสมอไป องค์กรจึงจำเป็นต้องมีระบบ AI Governance ที่เข้มแข็ง เพื่อควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของข้อมูล รวมถึงป้องกันการรั่วไหล เช่น การฝัง Invisible Watermark เพื่อระบุแหล่งที่มาอย่างโปร่งใส อีกทั้งยังต้องระมัดระวัง ‘ความเสี่ยงจากการใช้ฟรี’ เนื่องจากการนำข้อมูลภายในไปใช้กับ AI ที่เป็นบริการฟรีหรืออยู่ในระดับ subscription ขั้นพื้นฐาน อาจเปิดช่องให้ข้อมูลสำคัญขององค์กรรั่วไหลออกไปโดยไม่รู้ตัว

บัณฑิต เกียรติสิงห์นคร Business Solutions Architect บริษัท ซิสโก้ ซีสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด
สุรชัยเสนอเพิ่มเติมว่า องค์กรควรมีรากฐานข้อมูลที่มั่นคงและปลอดภัย เช่น การใช้ private cloud AI สำหรับองค์กรโดยเฉพาะ เพื่อให้สามารถควบคุมและเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเต็มที่ ลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามภายนอก
ด้านวัตสันทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ชัดเจนว่า “AI ทานข้อมูลเป็นอาหาร คุณภาพของข้อมูลคือหัวใจสำคัญ เพราะหากข้อมูลไม่ดี ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะไม่สมบูรณ์” เขาย้ำว่า Data คือสิ่งที่ความแตกต่างที่จะชี้ชะตาความได้เปรียบขององค์กรในยุคที่ AI เริ่มคิดและตัดสินใจได้เอง
5. Responsible AI & Open Finance: อนาคตการเติบโตของ AI ภาคการเงินอย่างมีจริยธรรม
อโณทัย เวทยากร Managing Director IBM Thailand, Arup Laha Distinguished Engineer, CTO Hybrid Cloud Tranformation Consulting IBM Thailand และ รถพร เอกบุตร ประธานเจ้าหน้าที่ด้านดิจิทัลและนวัตกรรม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ร่วมสำรวจอนาคต Agentic AI ในภาคการเงินที่สามารถสื่อสาร เรียนรู้ และตอบสนองได้เอง ทั้งสามคนเห็นพ้องในจุดยืนเดียวกันว่า
“AI ที่ดี ไม่ใช่ AI ที่เร็วที่สุด แต่คือ AI ที่มีความรับผิดชอบและน่าเชื่อถือ”
ในภาคการเงิน Agentic AI ถูกนำมาใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตทางการเงินของลูกค้าตั้งแต่การช่วยแนะนำให้ลูกค้าโอนเงินไปบัญชีออมที่ดอกเบี้ยดีกว่า 1.5% การใช้ Generative AI Enterprise Chatbot ช่วยพนักงานในสาขาตอบคำถามลูกค้าได้แม่นยำขึ้นและระบบตรวจจับธุรกรรมผิดปกติ (Anomaly Detection) แบบเรียลไทม์

แต่ความท้าทายสำคัญที่สุดไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยี แต่อยู่ที่ความน่าเชื่อถือว่า องค์กรจะสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความโปร่งใสได้อย่างไร
นำมาซึ่งแนวทาง 5 ข้อหลักของ Trustworthy AI ได้แก่
- Human-in-the-loop: AI ไม่ควรแทนมนุษย์ แต่ทำงานร่วมกัน
- Resilience: AI ต้องตอบสนองได้รวดเร็วและพร้อมใช้งาน
- Explainability: ทุกคำตอบต้องอธิบายที่มาได้
- Accountability: ต้องมีคนรับผิดชอบเมื่อ AI ตัดสินใจผิด
- Transparency: ผลลัพธ์ต้องตรวจสอบย้อนกลับได้
และในขณะที่โลกการเงินกำลังก้าวสู่ยุค Open Finance กรุงศรียังคงย้ำ ‘จุดยืนแห่งความรับผิดชอบ’ ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมต่อผู้คน สร้างระบบการเงินที่ เข้าถึงง่าย โปร่งใส ปลอดภัย เพื่อให้เทคโนโลยี ไม่เพียงทำให้ชีวิตง่ายขึ้น แต่ยัง “เติบโตไปพร้อมกับผู้คน” อย่างแท้จริง
‘Krungsri Tech Day 2025’ จึงเป็นบทสนทนาเรื่องเทคโนโลยีแห่งปี ที่ไม่ได้แค่อัปเดตเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด แต่พูดถึง ‘ความเป็นไปได้ใหม่ของชีวิต’ ว่ามนุษย์จะใช้เทคโนโลยีอย่างไรให้เรียบง่ายขึ้น ฉลาดขึ้น และมั่นคงขึ้นในโลกที่ซับซ้อนกว่า


