×

5 แบรนด์ EV ที่มียอดจดทะเบียนสูงสุด และแบรนด์ไหนเริ่มผลิตในไทยแล้วปีนี้

02.07.2024
  • LOADING...

การเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทำให้ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยมีทิศทางที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ตลอดจนส่งผลต่อตลาดรถยนต์กลุ่มอื่นที่ลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

โดยปัจจัยที่ทำให้รถ EV เติบโต ส่วนหนึ่งมาจากรัฐบาลผ่านโครงการสนับสนุนและส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า ที่ดึงผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และได้ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ทำให้ผู้ผลิตจากประเทศจีนตบเท้าเข้ามาลงทุนปักฐานผลิตและวางตลาดในประเทศไทยกันอย่างคึกคัก

 

ซึ่งหากย้อนดูแรงกระตุ้นจะมาจากโครงการระยะแรก (EV 3.0) รัฐบาลได้ให้สิทธิประโยชน์ 

  • ส่วนลด 150,000 บาท สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาไม่เกิน 2,000,000 บาท 
  • ลดอัตราภาษีนำเข้าเหลือ 40% 
  • ผู้ผลิตต้องผลิตคืนในอัตราส่วน 1:1 คัน (ขาย 1 คัน ผลิตคืน 1 คัน) ในปี 2024 ก่อนที่จะเข้าสู่ระยะที่ 2 (EV 3.5) เมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา จึงจะได้รับการสนับสนุนลดลงเหลือ 100,000 บาท 
  • ปรับอัตราผลิตคืนเป็น 1:2 คัน (ขาย 1 คัน ผลิตคืน 2 คัน) ในปี 2026

 

เมื่อมีผู้เล่นมากขึ้น การแข่งขันจึงดุเดือด ท่ามกลางความท้าทายหลายปัจจัย

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ปัจจุบันข้อมูลการจดทะเบียนประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รย.1) จากกรมการขนส่งทางบก พบว่าช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา

 

“ต้องยอมรับว่าการขยายเวลาจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าของโครงการ EV 3.0 ที่สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดจดทะเบียนอยู่ที่ 30,840 คัน เติบโตขึ้นจากปีก่อน 31%”

 

แต่หากดูช่วงเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม กลับลดลงจากปีก่อน 20% โดยบางแบรนด์มียอดจดทะเบียนลดลงเกิน 50% จึงเป็นปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้อัตราการจดทะเบียนลดลง 

 

อีกหนึ่งปัจจัยมาจาก ‘กำลังซื้อ’ ของลูกค้าครอบครองรถยนต์ไฟฟ้าผ่านโครงการ EV 3.0 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว บางส่วนรอคิวจดทะเบียนอย่างเป็นทางการ จึงต้องใส่ป้ายแดงเป็นการใช้งานชั่วคราว อีกทั้งการลดราคาของผู้ผลิตรถยนต์ทำให้ ‘ลูกค้าชะลอการซื้อ’

 

รวมถึงในปี 2024 ตามข้อกำหนดที่ผู้ผลิตรถยนต์ได้เข้าร่วมโครงการ EV 3.0 จะต้องผลิตคืนในอัตรา 1:1 (ขาย 1 คัน ผลิตคืน 1 คัน) ซึ่งมีผู้ผลิตรถยนต์ได้ทยอยเปิดโรงงานและเริ่มขึ้นสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย

 

โดยในแง่ของการแข่งขันตลาดรถ EV สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ มองว่า ขณะนี้สถานการณ์การแข่งขันราคาของรถยนต์ EV ในไทยร้อนแรงมาก หลายๆ ค่ายต่างปรับลดราคาลง ถามว่ามีผลต่อตลาดหรือไม่นั้น 

 

สุรพงษ์บอกว่า “มีผลแน่นอน เพราะลูกค้าบางรายชะลอ ไม่ตัดสินใจซื้อในทันที หมายความว่าก็รอดูแบรนด์อื่นก่อน รอไปก่อนว่าจะลดตามหรือไม่ การตัดสินใจที่ช้าลงก็อาจมีผลต่อยอดขายที่ลดลงด้วย”

 

จึงสอดคล้องกับข้อมูลยอดจดทะเบียนกลุ่มรถ EV เดือนพฤษภาคมที่ 5,474 คัน แม้ว่าจะเพิ่มขึ้น 33% แต่ก็พบว่า 5 แบรนด์รถ EV ที่มียอดจดทะเบียนเดือนพฤษภาคม ‘ลดลงทุกแบรนด์’ ซึ่งเหตุผลหลักๆ มาจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น โดย 5 แบรนด์ ได้แก่

 

  1. BYD 1,939 คัน ลดลงจากปีก่อน 4%
  2. MG 781 คัน ลดลงจากปีก่อน 30%
  3. Changan 718 คัน (เริ่มส่งมอบเดือนมกราคม 2024)
  4. Tesla 384 คัน ลดลงจากปีก่อน 180%
  5. NETA 365 คัน ลดลงจากปีก่อน 88%

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อมาดูความคืบหน้าของการสร้างโรงงานที่แต่ละแบรนด์มีเป้าหมายให้ไทยเป็นฐานผลิตอาเซียนเพื่อผลิตและส่งออกรถพวงมาลัยขวา

 

ปัจจุบันจึงมี 3 แบรนด์จากจีนที่เริ่มผลิตแล้ว นั่นคือ GWM, NETA และ MG พร้อมทั้งปรับอุปกรณ์ให้กับรถยนต์ที่จำหน่าย เพิ่มความสดใหม่มากขึ้น 

 

วันนี้ THE STANDARD WEALTH จึงสรุปเปรียบเทียบตัวเลขยอดจดทะเบียนรถ EV สูงสุด 5 แบรนด์ (ยอด 5 เดือน เดือนมกราคม-พฤษภาคม) ในไทยปี 2024 เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว (YoY) 

 

ท่ามกลางการแข่งขันลดราคารถ EV ในไทยอันร้อนแรงในขณะนี้ มาดูกันว่ามีแบรนด์รถ EV จีน แบรนด์ไหนที่เริ่มเดินสายพานผลิตในไทยแล้ว และภายในปีนี้จะมีแบรนด์ใดบ้างที่เปิดโรงงานในไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วงเดือนกรกฎาคมนี้จะเป็นคิวของ BYD และ GAC AION ที่วางแผนเริ่มผลิต Q3-Q4 ส่วน Changan จะเริ่มการผลิตต้นปี 2025

 

 

ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising