นับแต่ต้นปี 2022 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมเทคโนโลยีของยุโรปสูญเสียมูลค่าไปกว่า 4 แสนล้านดอลลาร์ จากข้อมูลของ Venture Capital อย่าง Atomico
มูลค่ารวมของบริษัทเทคโนโลยีทั้งในส่วนของบริษัทเอกชนและบริษัทมหาชนในยุโรปลดลงมาเหลือ 2.7 ล้านล้านดอลลาร์ จาก 3.1 ล้านล้านดอลลาร์ ณ ช่วงพีคของปลายปี 2021
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ซีอีโอ JPMorgan เตือน เศรษฐกิจสหรัฐฯ และโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยภายใน 6-9 เดือน
- หุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาปิดบวกถึง 800 จุด จากที่ร่วงหนักกว่า 500 จุด หลังการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ย.
- สหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อเดือน ก.ย. ที่ 8.2% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ หุ้นสหรัฐฯ ดิ่งทันที!
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปีที่ยากลำบากของบริษัทเทคฯ ด้วยแรงกดดันจากปัจจัยมหภาค ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมทั้งการที่ธนาคารกลางหลายประเทศปรับโทนมาใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้น
อย่างธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้เร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย และดึงสภาพคล่องออกจากระบบเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ต้องประเมินพอร์ตลงทุนของตัวเองใหม่ โดยเฉพาะการลดสัดส่วนหุ้นเทคฯ เพราะมูลค่าของบริษัทเหล่านี้อิงอยู่กับกระแสเงินสดที่คาดว่าจะทำได้ในอนาคต
Tom Wehmeier หุ้นส่วนของ Atomico กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ยากลำบาก ทั้งเรื่องในยูเครน เงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ย ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ในทุกภูมิภาค
“ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ท้าทายมากที่สุดสำหรับเศรษฐกิจมหภาค นับแต่วิกฤตการเงินของโลกครั้งก่อน”
สำหรับบริษัทเทคฯ ในยุโรป เราเห็นมูลค่าของบริษัทอย่าง Klarna บริษัทที่ให้บริการ Buy Now Pay Later สัญชาติสวีเดน มูลค่าลดลงถึง 85% จาก 4.56 หมื่นล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 6.7 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่บริษัทอย่าง Spotify ผู้ให้บริการสตรีมมิงด้านดนตรี มูลค่าก็ลดลงไป 60% ในปีที่ผ่านมา
โดยภาพรวมเงินลงทุนของ Venture Capital ในยุโรปที่ใส่ลงไปในบริษัทสตาร์ทอัพ คาดว่าจะลดลงไปเหลือ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ ลดลง 18% จากปี 2021 ซึ่งสตาร์ทอัพในยุโรประดมทุนรวมกันไปได้กว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ อิงจากข้อมูลเชิงปริมาณและข้อมูลจากการสำรวจใน 41 ประเทศ
Wehmeier กล่าวว่า “ขณะนี้เป็นช่วงที่สภาพคล่องมีน้อยลง เราได้ผ่านช่วงเวลาที่เงินทุนมีอยู่มากมายมหาศาล และต้นทุนถูกในปี 2021 มาสู่ช่วงเวลาที่ยากต่อการระดมทุนเพิ่มเติม และต้นทุนก็สูงขึ้นด้วย”
ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2022 อุตสาหกรรมเทคฯ ของยุโรปยังคงร้อนแรง ด้วยระดับการลงทุนที่เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปี 2021 อย่างไรก็ตาม การลงทุนเริ่มชะลอลงตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และชะลอลงมากยิ่งขึ้นในเดือนสิงหาคมและกันยายน นับแต่นั้นระดับการลงทุนเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่เพียง 3-5 พันล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับปี 2018
ขณะที่จำนวนของบริษัทใหม่ที่ก้าวไปเป็นยูนิคอร์น (มูลค่าสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์) ก็มีจำนวนลดลง โดยปีนี้มียูนิคอร์นเพิ่มขึ้น 31 บริษัท จากปีก่อนที่มากถึง 105 บริษัท
ขณะเดียวกันจำนวนบริษัทเทคฯ ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดก็น้อยลงไปอย่างมากเช่นกัน โดยมีบริษัทเทคฯ เพียง 3 บริษัท ที่มีมูลค่าสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ที่ขายหุ้น IPO ในปีนี้ เทียบกับปี 2021 ที่มีจำนวนมากถึง 86 บริษัท
และแน่นอนว่าอุตสาหกรรมเทคฯ ในยุโรปก็เผชิญกับการปลดพนักงานจำนวนมาก สำนักงานใหญ่ของบริษัทเทคฯ ในยุโรปปลดพนักงานไปรวมกันกว่า 14,000 คน ในปีนี้ คิดเป็น 7% ของการปลดพนักงานทั่วโลก
อย่างไรก็ดี สำหรับนักลงทุนบางส่วนมองว่าท่ามกลางวิกฤตย่อมมีโอกาส Per Roman หุ้นส่วนของ GP Bullhound ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อเทคโนโลยีบางส่วน เช่น AI, Cybersecurity และ Environmental Tech
“ขณะนี้จากที่เรามองภาพตลอดทั้งปีนี้ บริษัทซอฟต์แวร์และอินเทอร์เน็ตถูกประเมินมูลค่าใหม่ ทำให้มูลค่าเริ่มเหมาะสมมากขึ้นและยังมี Upside เหลืออยู่” Roman กล่าว
“ในขณะเดียวกันซอฟต์แวร์ต่างๆ เหล่านี้ยังคงถูกใช้งานอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็นในโรงพยาบาล โรงเรียน หรือการก่อสร้าง ดังนั้นปัจจัยพื้นฐานสำคัญยังคงแข็งแกร่งในศตวรรษข้างหน้านี้” Roman กล่าวเพิ่มเติม
ด้าน Sarah Guemouri ตัวแทนของ Atomico กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีหลายปัจจัยที่ทำให้เรายังคงมองบวกได้ หนึ่งในนั้นคือการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคฯ ในยูเครน แม้ว่าจะถูกรัสเซียรุกราน แต่กิจกรรมทางธุรกิจสามารถกลับมาสู่ระดับก่อนสงครามได้แล้ว 85% อิงจากข้อมูลของ Lviv IT และนับแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น 77% ของบริษัทด้านไอซีทีในยูเครนสามารถหาลูกค้าใหม่ได้
และในขณะที่ภาพตลาดดูไม่ดีในปีนี้ การลงทุนยังคงเพิ่มขึ้น 8 เท่าตัว จากเมื่อปี 2015
“โดยรวมแล้วการประเมินจำเป็นจะต้องมองผ่านเลนส์ที่ดูภาพระยะยาวมากขึ้น ซึ่งเรายังคงเห็นสิ่งที่น่าสนใจในหลายระดับ สำหรับเราแล้วสิ่งที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นคืออนาคตและโอกาสที่รออยู่”
อ้างอิง: