×

3.45 x 4.9 x 2.55 – AUTTA อัลบั้มแห่งการรอคอยอัลบั้มหนึ่งในปีนี้ และก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย

24.08.2023
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 MIN READ
  • นี่คืออัลบั้มแรกของ อัตตา ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งมาจากชื่อจริงเล่นๆ ว่า อัษฎกร เดชมาก และมีชื่อเล่นจริงๆ ว่า กร ทุกคนรู้จักเขาในนามแรปเปอร์อัจฉริยะ เขาจบจากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหิดล สาขาแจ๊สและซาวด์เอ็นจิเนียร์ ทำเพลงมาตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่ ซึ่งก็ประมาณ 4 ปีที่แล้ว ระหว่างเส้นทางก็ไปแข่งขันในรายการ RAP IS NOW ทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ และได้ที่ 2 กลับมา (ที่ 1 ในปีนั้นคือไมยราพ)
  • 11 เพลงในอัลบั้มนี้แยกเป็นหลักๆ ได้ 3 ส่วน สามเพลงแรกได้ฟีลแบบแจ๊ส 4 เพลงต่อมาจัดว่าเป็นร็อก อีก 3 เพลงเป็นโฟล์กป๊อปกีตาร์นำ แล้วปิดท้ายด้วยป๊อปเหงาๆ ด้วยเปียโน การทำเพลงแบบนี้ทำให้เหมือนดูหนังสามภาคให้จบภาคในชั่วโมงเดียว
  • อัลบั้มชื่อจำยาก 3.45 x 4.9 x 2.55 มันคือขนาดของห้องของอัตตาตอนเรียนดนตรีช่วง ม.ปลาย ห้องนี้เป็นห้องเช่าที่เล็กมากๆ อัตตาเปิดเพลงแรกของอัลบั้มด้วยการบรรยายถึงห้อง ชีวิตในห้อง สิ่งที่เรียนรู้จากห้อง ห้องนั้นเลขที่ 704

การผสมผสานของสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกันอย่างสุดขั้วได้อย่างลงตัว

 

นี่คืออัลบั้มแรกของ อัตตา ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งมาจากชื่อจริงเล่นๆ ว่า อัษฎกร เดชมาก และมีชื่อเล่นจริงๆ ว่า กร ทุกคนรู้จักเขาในนามแรปเปอร์อัจฉริยะ เขาจบจากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหิดล สาขาแจ๊สและซาวด์เอ็นจิเนียร์ ทำเพลงมาตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่ ซึ่งก็ประมาณ 4 ปีที่แล้ว ระหว่างเส้นทางก็ไปแข่งขันในรายการ RAP IS NOW ทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ และได้ที่ 2 กลับมา (ที่ 1 ในปีนั้นคือไมยราพ)

 

เมื่อ 4 ปีที่แล้ว อัตตาเริ่มทำเพลงแรกคือ ชายหน้ามึน เพลงเป็นทางแจ๊ส แต่วิธีร้องใช้แรป เพลงนั้นไม่ได้อยู่ในอัลบั้มนี้ หลังจากนั้นอัตตามีเพลงอย่าง ว่างยัง, แย้มบาน, วันอากาศดีๆ ที่ไม่มีเธออยู่ ซึ่งเพลงเหล่านี้ก็ไม่ได้อยู่ในอัลบั้มแรกอัลบั้มนี้เช่นกัน นอกจากนี้ ระหว่างทางเขายังไปฟีเจอริงกับคนอื่นๆ อีกเยอะ เช่น ว่าน วันวาน, ป๊อบ ปองกูล, di age, F.HERO, I Hate Monday, เป้ อารักษ์ รวมถึงไมยราพด้วย 

 

 

เพื่อนสนิทของอัตตาคือ มิค-เพชรภูมิ เพชรแก้ว ซึ่งอัตตาบอกว่าอัลบั้มนี้เขาทำครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งมิคทำ มิคเป็นมือกีตาร์วง I Hate Monday ซึ่งเป็นวงป๊อป แต่เขาเป็นมือกีตาร์สายร็อก เมื่อสองคนทำเพลงออกมา มันเข้าคู่ได้ดีจริงๆ 

 

11 เพลงในอัลบั้มนี้แยกเป็นหลักๆ ได้ 3 ส่วน สามเพลงแรกได้ฟีลแบบแจ๊ส 4 เพลงต่อมาจัดว่าเป็นร็อก อีก 3 เพลงเป็นโฟล์กป๊อปกีตาร์นำ แล้วปิดท้ายด้วยป๊อปเหงาๆ ด้วยเปียโน การทำเพลงแบบนี้ทำให้เหมือนดูหนังสามภาคให้จบภาคในชั่วโมงเดียว ได้อารมณ์ครบทุกรสชาติ มันเป็นรสชาติแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ฟังทีละเพลงก็ทึ่งแล้ว แต่เอามาฟังเรียงกันทั้งหมดก็ทึ่งไปอีก ถ้าครึ่งปีแรกเป็นปีของแรปเปอร์อย่าง YOUNGOHM ครึ่งปีหลังขอยกให้อัตตา

 

นอกจากดนตรีที่ทำได้กลมกล่อมแล้ว จุดเด่นของอัตตาคือการเขียนเนื้อเพลง ภาษาที่ใช้สละสลวย ที่สำคัญมันมีประโยคที่เหมือนปักเข้าไปกลางอก ฟังแล้วรู้สึกว่า เขียนได้ไงวะ เดี๋ยวเราจะแกะสิ่งนี้ออกมาทีละเพลง อัตตาบอกว่า เดิมทีเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาไกลถึงขนาดนี้ เขาทำเพลงก็แค่สนองตอบความอยากทำของตัวเองเท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำเพื่อใครอื่นเลยในตอนแรก เขาไม่ได้มีลุคของฮิปฮอปเดิมในยุคของ RAP IS NOW เขาเป็นหนุ่มหน้าตี๋ที่แรปได้อย่างน่าทึ่ง

 

ตัวอัลบั้มมีความเป็นสุดขั้วตรงข้ามแต่จับมารวมกันได้ เพลงแจ๊สที่เบาบางมาใส่ในการร้องแรปที่กระโชก เนื้อเพลงที่ดูเหมือนจะเข้าใจตัวเองและไม่เข้าใจตัวเองในเวลาเดียวกัน วิถีของแรปเปอร์ที่ลงมือทำแล้วต้องทำให้สุด ปะปนกับความพ่ายแพ้ไปทุกอย่างแม้กระทั่งแพ้ตัวเอง ความย้อนแย้งมีมากมายในอัลบั้มนี้ แต่ผสมผสานได้อย่างกลมกลืน อัตตาบอกว่า เดิมทีเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาไกลถึงขนาดนี้ เขาทำเพลงเพียงแค่ตอบสนองความอยากทำของตัวเองเท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำเพื่อใครอื่นเลยในตอนแรก

 

 

อัลบั้มชื่อจำยาก 3.45 x 4.9 x 2.55 มันคือขนาดของห้องของอัตตาตอนเรียนดนตรีช่วง ม.ปลาย ห้องนี้เป็นห้องเช่าที่เล็กมากๆ อัตตาเปิดเพลงแรกของอัลบั้มด้วยการบรรยายถึงห้อง ชีวิตในห้อง สิ่งที่เรียนรู้จากห้อง ห้องนั้นเลขที่ 704 เขาตั้งชื่อเพลงตามชื่อห้อง ซึ่งบางคนนึกถึงเพลงของ ดาจิม แรปเปอร์ในยุค Y2K ที่เขียนเพลงเล่าเรื่องผีในห้องเลข 704 เหมือนกัน (หวังว่าน่าจะคนละที่) เพลงนี้เปิดด้วยเปียโน พลิ้ว ตามด้วยดับเบิลเบส กลอง พอเสียงร้องขึ้น เครื่องเป่าก็พากันมาเต็ม ปลายเพลงมีแซกโซโฟนด้วย ถ้าลองฟังเพลงนี้สัก 2-3 รอบ ลองโฟกัสที่ดนตรีโดยตัดเสียงอัตตาออกไป มันจะกลายเป็นการฟังเพลงสแตนดาร์ดแจ๊สที่เพราะและนุ่มลึกเพลงหนึ่ง 

 

ใครที่ชอบสายทฤษฎี อัตตาเล่าให้ฟังว่าเพลงนี้เขาซ่อนอะไรไว้กับเลข 704 เยอะมาก เช่นความยาวของเพลงคือ 4:07, ใช้ Time Signature 7/4 ซึ่งแรปเปอร์อย่างเขาชอบใช้, บีตดนตรีของเพลงนี้จะอยู่ที่ 74 bpm, และมีเนื้อเพลงที่พูดถึง Stan Getz ผู้ซึ่งมีเพลง Seven Steps to Heaven ซึ่งอัตตาก็ฮัมเพลงนี้เข้าไปในเพลงด้วย และประโยคเด็ดเพลงนี้คือ 

 

“กว่าจะผ่านพ้นแต่ละปี Democracy ที่มี 

ดันเป็นตัว demo crazy that we all live with 

ผู้นำระยำตั้งแต่ ’15 

และอยู่กับโรคบ้าๆ ตั้งแต่ ’19”

 

704

 

 

เพลงต่อมา ทางรถไฟกับวัยเซ่อ เล่าเรื่องของเพื่อน (ก็คือคุณมิคนี่แหละ) ชวนออกไปเดินเล่น จิบเบียร์ Budweiser (ซึ่งทำให้รู้ว่าไม่ได้หมายถึงวัยเซ่อซ่า) เดินไปในทางรถไฟทั้งๆ ที่ฝนตก เจออะไรบ้าง เล่าเป็นเรื่องเป็นราว เป็นเพลงที่มีแค่เสียงเปียโนกับกลองสแนร์ ท่อนฮุกที่แทรกเข้ามามีความหลอกหลอนอยู่ลึกๆ เหมาะกับบรรยากาศดึกๆ แก่นของเพลงนี้คือการตอบแทนคุณสิ่งที่เราใช้อยู่ทุกวันบ้าง ตรงปลายเพลงมีประโยคดีๆ เยอะแยะเลย

 

ต่อด้วยเพลงที่ปล่อยเมื่อปีที่แล้ว ไม่ว่างมองฟ้า เพลงนี้มี Feat. กับปรัชญาไมค์ (Pratyamic) และ K.AGLET แรปเปอร์ชาวพิษณุโลก เพลงนี้ขึ้นด้วยฮุกก่อนเลย เนื้อหาเป็นงานส่วนตัวแต่ละคน บอกเลยว่าแต่ละคนนั้นผ่านอะไรมา เคยหนักหนาแค่ไหนกับการเป็นแรปเปอร์ การพิสูจน์ตัวเองจากสิ่งที่ทำมาเป็นพันๆ รอบ จากคนธรรมดาที่ต้องทำมากกว่าคนอื่น ท่อนฮุกแค่สะท้อนว่าบางทีเราก็แค่เงยหน้าขึ้นฟ้าบ้าง อาจจะเข้าใจสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่มากขึ้น เพลงนี้มีแซกโซโฟนคลอไปตลอดด้วย ถ้าสังเกต มันก็เหมือนท้องฟ้าแหละ มีอยู่ตลอด แค่เคยมองขึ้นไปบ้างหรือเปล่า 

 

“เป็นเวลานานเท่าไร ที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไป

มองท้องฟ้ากว้างใหญ่ เพียงได้เห็นก็สุขใจ

และนานเท่าไร ที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไป

Wondering who am I

ยังคงหาคำตอบในใจ”

 

ไม่ว่างมองฟ้า

 

 

ต่อด้วยเพลงที่ปล่อยปีที่แล้วอีกเพลง เธอบอกว่าฉันคือ เพลงนี้เจ็บจริง เรื่องของความคาดหวังที่ทำไม่ได้อย่างหวัง เป็นเพลงที่ฟังลอยและจมในเพลงเดียวกัน คีย์บอร์ดคีย์ซ้ำฟังล่องลอย แต่เนื้อเพลงจมดิ่งหมดแรงจะไปต่อ ท่อนอย่าง “เธอบอกว่าฉันเป็นหมอ ขอโทษที่กลายเป็นคนไข้” ทำให้ผมนึกถึงเด็กเรียนที่พ่อแม่ใส่ความหวังให้เรียนหมอ แต่เด็กสอบไม่ติดแล้วรู้สึกเฟลด้วย เพลงนี้ได้ พัด Zweed n’ Roll มาร้องด้วย เสียงของพัดสวยงามและมีพลังมาก มันทำให้เพลงไม่อ้างว้างจนเกินไป

 

“เธอบอกว่าฉันคือเมฆขาว

แต่บดบังแสงของดาวอยู่ใช่ไหม 

บอกว่าฉันคือท้องฟ้าใหญ่

แต่ไม่มีนกตัวใดชอบใจฟ้าแบบนี้หรอก”

 

เธอบอกว่าฉันคือ 

 

 

แล้วเพลงก็เข้าสู่พาร์ตโหด 3 เพลงติด เริ่มด้วย เกลียดกูก่อนมึง ซาวด์กีตาร์แรงๆ แต่มันเจ๋งมาก (มิคอีกแล้ว-เขาเป็นนักเรียนระดับเกรดเอทางด้านกีตาร์ที่มหิดล) กีตาร์เหมือนพยายามจะทิ่มทะลุหูเราตลอดเวลา มันมีความแสบ มีความเฟี้ยว ทางฝั่งอัตตาเขียนเนื้อเพลงสรุปง่ายๆ ว่าเกลียดตัวเอง คนอื่นไม่ต้องมาเกลียดกูเลย กูเกลียดกูเองก่อนมึงอีก แถมท่อนสุดท้ายเขาเปลี่ยนสรรพนามจากกูเป็นมึง ซึ่งหมายถึงมึงก็เกลียดตัวมึงเองไม่แพ้กัน นอกจากนี้ นิทานเศรษฐีเฒ่าในเพลงนี้ดีมาก เดิมบีตของเพลง ANTLV เคยเป็นของเพลงนี้มาก่อน แล้วเพลงก็ต่อกันพอดีกับ Introvert ซึ่งมีท่อนโซโล่แบบลีดกีตาร์ชวนนึกถึงร็อกยุค 80 เพลงต้องการจะบอกว่ามึงไม่ต้องพูดหรอก เพราะกูไม่อยากพูดกับมึง ท่อนท้ายนี่พีคทั้งเนื้อและกีตาร์ “ให้ไปฟังมึงกูฟังโซโล่ดีกว่า” แล้วกีตาร์ก็โซโล่ไฟลูกอย่างกับหนัง Crossroads

 

ต่อด้วยเพลงเอกของอัตตา ANTLV เพลงที่ทำให้ทุกคนทึ่งในความสามารถของอัตตาในปี 2021 มันมีความพลุ่งพล่านมากๆ โหดสลัด แรปเร็วรัว ชื่อเพลงย่อมาจากคำว่า Another Level ซึ่งหมายถึงอีกเลเวลหนึ่ง โดยที่อัตตาต้องการสื่อว่า มันไม่ได้หมายความว่าเหนือกว่าคนอื่น แต่เป็นการเหนือกว่าตนเอง เก่งกว่าเมื่อวาน

 

 

แล้วอัลบั้มก็ตบลงเพลงเบาแบบทันทีกับเพลงที่ชื่อว่า ทบทวน กีตาร์ตบคอร์ดเบาๆ มีคีย์บอร์ดแซม รวมทั้งเสียงผิวปาก เพลงวาดภาพควันบุหรี่กับการนั่งจมจ่อมกับตัวเอง ทบทวนความคิดทบทวนเรื่องเก่าๆ เพลงนี้มี NAME MT (เนม เอ็มที) มา Feat. ด้วย ร้องเสียงธรรมดาด้วยกัน เป็นการตั้งใจทบทวนจริงๆ แหละ 

 

ต่อด้วยเพลงรักเพลงเดียวในอัลบั้ม หลอกมาเลย เพลงที่รู้อยู่แล้วว่าเธอหลอกมาตลอด แต่ก็พร้อมที่จะให้หลอก เพราะยังรักอยู่ เธอปิดบังเรื่องทุกอย่าง เธอกลับมาก็ไม่ได้กลับมาจริง แต่ฉันก็แค่ยังอยากให้เธอหลอกฉันต่อไปอยู่ดี ถ้าฟังดีๆ มันเป็นเพลงที่เศร้ามากนะ เพลงนี้ท่อนจบพยายามดึงโน้ตขึ้นสูงอีก ได้ความปวดร้าว

 

“หลอกมาเลย ฉันเชื่อทุกอย่าง

หลอกมาเลย ว่าไม่จากไปไหน

จะไม่ตั้งคำถาม ไม่ส่งข้อความ ไม่สงสัย 

ไม่พร้อมจะบอก ไม่เป็นไร หลอกมาเลย” 

 

หลอกมาเลย

 

ต่อด้วย สุดท้ายแล้วเราจะ เพลงที่เหมือนควรปล่อยวางทุกอย่างในที่สุด เพราะในที่สุดแล้วชีวิตมันก็ไม่มีอะไรเลย อัตตาเล่นกับความทรงจำของมนุษย์ “สิ่งที่น่ายินดีของความทรงจำคือยังจำได้ว่าเคย สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของมันคือมึงจดจำอะไรไม่ได้เลย” เพลงนี้ Feat. กับ เล็ก Greasy Cafe เป็นเพลงที่ท่อนฮุกสวยมากทั้งทำนองและเนื้อร้อง เสียงของ Greasy Cafe บีบรัดความรู้สึก ดนตรีพีคขึ้นเรื่อยๆ ในท่อนสร้อย เป็นเพลงที่ฟังทีไรก็น้ำตาคลอทุกที 

 

“สุดท้ายแล้วเราจะลืมทุกสิ่ง

สุดท้ายแล้วเราจะทิ้งทุกอย่าง

กลิ่นหอมของความทรงจำสลายเป็นสีเจือจาง

แค่เพียงไม่นานถูกลมพัดลอยผ่านไป

เมื่อนกพิราบสยายแย้มปีก

สิ่งที่เคยได้ยินจะค่อยๆ จาง

อ้อมกอดที่เคยสัมผัสจะหายไปในพริบตา

สักวันเราคงถูกลืมเลือนไม่ต่างกัน”

 

สุดท้ายแล้วเราจะ

 

 

จริงๆ แล้วอัลบั้มควรจบด้วยเพลงนี้ เพราะเป็นบทสรุปทุกอย่างได้อย่างดี แต่อัตตาเขียนเพลงอีก 1 เพลง ชื่อเพลงว่า ประกายฟ้า เป็นเพลงที่มีแค่เสียงร้องกับเปียโน เนื้อเพลงเป็นความห่วงหา การมีเพื่อนสักคนคอยอยู่เป็นเพื่อนคุย เพื่อให้รู้ว่ายังมีใครสักคนอยู่นะ ชีวิตมันไม่ได้อ้างว้างขนาดนั้น เป็นเพลงที่เนื้อหาอบอุ่นมาก เรื่องจริงคือเพลงนี้แต่งให้น้องนักดนตรีคนหนึ่งชื่อ ประกายฟ้า เธอเป็นยูทูเบอร์สาวสวย เธอเสียชีวิตไปในช่วงโควิด ด้วยการที่เธอไม่มีรายได้ใดๆ ในช่วงนั้น เครียด และทำอัตวินิบาตกรรมในที่สุด ถึงเธอจากไป ท้องฟ้าก็ยังคงเป็นประกายให้เธออยู่เสมอ 

 

อัตตาจัดงานเปิดตัวอัลบั้มไปเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม เอาเพลงทั้งอัลบั้มมาทำเป็นหนัง (กำกับโดย จั๊ก-จิรัฏฐ์ สมภักดี) โดยถ่ายแบบ Long Shot แต่ละเพลง ซึ่งหนังก็มีให้ดูทางยูทูบในช่องของอัตตาด้วย เรียกได้ว่าจัดเต็มทุกอย่างสำหรับอัลบั้มนี้

 

อัลบั้ม: 3.45 x 4.9 x 2.55

ศิลปิน : AUTTA

ค่าย: YUPP! Entertainment 

 


 

เลเล่เล้

สิงหาคม 2566

X: @laylaidlaid

FB: เลเล่เล้-แนะนำเพลงไทยและสากล

 

ภาพ: YUPP!

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X