Bitcoin ปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ (30 พฤศจิกายน) ซื้อขายอยู่ที่ 16,911 ดอลลาร์ โดยเพิ่มขึ้น 3.9% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่ตลาดยังคงระมัดระวังในสัปดาห์นี้ เนื่องจากรอการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญหลายรายงาน นอกจากนี้ปัจจัยทางการเมืองจากการประท้วงในจีน ได้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดให้ย่ำแย่ลงไปอีก รวมถึงความหวาดระแวงเกี่ยวกับผลกระทบที่ลุกลามหลังจากที่แพลตฟอร์มกู้ยืมคริปโตอย่าง BlockFi เป็นรายล่าสุดที่ยื่นเรื่องล้มละลายจากการล่มสลายของ FTX
ข้อมูลเศรษฐกิจอาจทำให้ตลาดคริปโตผันผวนในสัปดาห์นี้
Bitcoin ซื้อขายอยู่ในกรอบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ ณ เวลา 10.40 น. ราคา BTC ซื้อขายอยู่ที่ 16,911 ดอลลาร์ โดยเพิ่มขึ้น 3.9% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่ผลตอบแทนรายเดือนในเดือนพฤศจิกายนนี้ของ Bitcoin ลดลงถึง 17.36% (ตามข้อมูลจาก Coinglass) ตลาดยังคงระมัดระวังในสัปดาห์นี้ เนื่องจากรอการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญหลายรายงาน ในวันนี้ สหรัฐฯ จะมีการเปิดเผยรายงานการจ้างงานของ ADP และตัวเลข GDP รายไตรมาส รวมถึงคำแถลงของ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ และในวันพฤหัสบดีนี้ (1 ธันวาคม) จะมีการเผยแพร่รายงานดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคพื้นฐาน (Core PCE) และดัชนี PMI ภาคการผลิตของ ISM และในวันศุกร์นี้ (2 ธันวาคม) ตลาดจะจับตามองรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) และอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ปัจจัยระดับมหภาคนี้อาจทำให้ตลาดคริปโตผันผวนได้ โดย Crypto Tony เทรดเดอร์ชื่อดังได้แสดงความเห็นว่า บริเวณ 16,000 ดอลลาร์ จะเป็นระดับที่สำคัญสำหรับ Bitcoin สำหรับการเคลื่อนไหวต่อไปในระยะยาว ขณะที่ทางด้าน Il Capo of Crypto ยังคงมีมุมมองขาลง และเปิดเผยว่า หากราคาทะลุต่ำกว่า 16,000 ดอลลาร์ ระดับ 12,000 ดอลลาร์ จะเป็นเป้าหมายต่อไปสำหรับ BTC/USD
การประท้วงในจีนอาจส่งผลต่อสินทรัพย์เสี่ยงและตลาดคริปโต
นอกเหนือจากรายงานระดับมหภาคจากสหรัฐฯ แล้ว ปัจจัยทางการเมืองจากการประท้วงในจีนได้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดให้ย่ำแย่ลงไปอีก ประเทศจีนกำลังตกอยู่ในกระแสการประท้วงต่อต้านมาตรการควบคุมโควิด โดยหลายเมืองต่างต่อต้านการล็อกดาวน์ เพื่อเรียกร้องให้ยุตินโยบาย Zero-COVID หากสถานการณ์แย่ลงเหตุการณ์นี้อาจทำให้สินทรัพย์เสี่ยง เช่น ตลาดหุ้นและคริปโต ตกอยู่ในภาวะตลาดหมีต่อไปอีก
ผลกระทบลุกลามต่อจากการล้มละลายของ BlockFi
แพลตฟอร์มกู้ยืมคริปโตอย่าง BlockFi เป็นรายล่าสุดที่ยื่นเรื่องล้มละลาย โดยได้รับผลกระทบจากการล่มสลายของ FTX ที่ผ่านมา แม้ว่าการล้มละลายของ BlockFi จะไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ไว้แล้ว แต่ก็ทำให้แพลตฟอร์มการให้กู้ยืมและการหาผลตอบแทนแบบ Yield Earning ได้รับผลกระทบอย่างหนักและสูญเสียความเชื่อมั่น หลังจากที่ Voyager และ Celsius ล้มละลายไปก่อนหน้านี้ จากการล่มสลายของเครือข่าย Terra เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
เนื่องจากบริษัทคริปโตต่างๆ มักจะมีความสัมพันธ์กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้นักลงทุนยังคงหวาดระแวงต่อไปว่าบริษัทใดที่จะได้รับผลกระทบเป็นโดมิโนตัวต่อไป
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ย้อนรอยวิกฤตคริปโต การล่มสลายของ FTX รอบนี้จะสั่นสะเทือนตลาดคริปโตได้เหมือนรอบ Mt.Gox ปี 2014 หรือไม่?
- บิล แอคแมน เริ่มใจอ่อน เผย มองคริปโตในมุมบวกมากขึ้น ถึงขั้นเริ่มเข้าลงทุนบ้างแล้ว
- แม้แต่ ‘จัสติน บีเบอร์’ ยังขาดทุน! ผลงาน NFT จาก Bored Ape Yacht Club ที่ซื้อมาด้วยราคา 46.4 ล้านบาท ตอนนี้หล่นลงเหลือ 2.5 ล้านบาท
อ้างอิง: