กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ผนึกกำลัง ออกมาตรการสกัด ‘การแข็งค่าของเงินบาท’ หลังเงินบาทแข็งค่าเร็ว แรง เกินปัจจัยพื้นฐาน และแข็งค่านำภูมิภาค โดยมี 3 มาตรการสำคัญ ดังนี้
1. ร้านทองเตรียมรายงานข้อมูลธุรกรรมการซื้อขายทองบนแพลตฟอร์มให้ ‘กรมสรรพากร’
โดยกรมสรรพากรพิจารณาแนวทางการกำหนดให้ผู้ให้บริการซื้อขายทองคำในลักษณะการลงทุนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ นำส่งข้อมูลธุรกรรมการซื้อขายทองคำดังกล่าวให้แก่กรมสรรพากร เช่นเดียวกับแพลตฟอร์มสินค้าหรือบริการออนไลน์ที่มีการนำส่งข้อมูลรายรับที่ได้จากผู้ประกอบการที่ขายสินค้าหรือให้บริการผ่านแพลตฟอร์มให้แก่กรมสรรพากรผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์อยู่แล้วในปัจจุบัน
สำหรับการออกประกาศกรมสรรพากรเพื่อดำเนินมาตรการนี้ ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สามารถทำได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องขอการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)
2. กรมสรรพากรเล็งเก็บ ‘ภาษีธุรกิจเฉพาะ’ สำหรับการซื้อ-ขายทองคำผ่านแพลตฟอร์ม
โดยให้กรมสรรพากรพิจารณาความเหมาะสมในการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากกิจการขายทองคำแท่งของร้านทองผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
สำหรับการออกภาษีธุรกิจเฉพาะนี้ ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ต้องออกเป็นกฤษฎีกาเพิ่ม โดยต้องผ่านการหารือ และพิจารณาในรายละเอียด โดยต้องไม่ให้กระทบผู้ค้าขายทองที่ซื้อขายทองกรณีปกติอย่างประชาชนทั่วไป
3. แบงก์ชาติจ่อกำหนดเพดานปริมาณการซื้อ-ขายทองคำ
โดยให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาแนวทางการกำกับปริมาณการทำธุรกรรมทองคำ เช่น การกำหนดเพดานวงเงินการซื้อขายทองคำในแพลตฟอร์มออนไลน์ เป็นต้น ซึ่ง วิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าจะสามารถออกประกาศได้ภายในเดือนมกราคม 2569
บาทแข็งแค่ไหน? ทำไมต้องออกมาตรการ
ตั้งแต่ต้นปี 2568 เงินบาทแข็งค่าขึ้น 9.4% เทียบเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และแข็งค่าขึ้นประมาณ 4.2% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา
โดยมีสาเหตุจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หลังนักลงทุนปรับคาดการณ์แนวโน้ม การดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
นอกจากนี้การแข็งค่าของเงินบาทยังมาจาก ปัจจัยเฉพาะของไทย โดยเฉพาะการขายเงินตราต่างประเทศของกลุ่มบริษัททองคำหลังราคาทองคำปรับสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งการเข้าซื้อตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างชาติในบางจังหวะ
การซื้อขายทองคำดัน ‘บาทแข็ง’ ได้อย่างไร?
วิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อธิบายว่า ปัจจุบันปริมาณการซื้อขายทองคำในแต่ละวันมีมูลค่ารวมสูงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จนในบางช่วงเวลามีปริมาณการซื้อขายสูงในระดับที่ใกล้เคียงกับปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัททองคำเข้าซื้อขายเงินดอลลาร์สหรัฐในสัดส่วนที่สูงขึ้นมาก จนบางครั้งเกิดการขายเงินดอลลาร์สหรัฐสุทธิมากถึง 40-50% ของปริมาณการขายเงินดอลลาร์สหรัฐสุทธิของทั้งประเทศในช่วงนั้นๆ จึงส่งผลกดดันโดยตรงต่อค่าเงินบาทให้แข็งค่าขึ้นเร็ว ส่งผลกดดันให้เงินบาทแข็งค่าเร็วนำสกุลภูมิภาค และผันผวนไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ผลักดันมาตรการต่างๆ ออกมา เพื่อลดความสัมพันธ์ระหว่างเงินบาทและทองตำ เช่น การหนุนให้ซื้อขายทองคำอยู่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งได้เพิ่มความเข้มงวดในการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศของกลุ่มบริษัททองคำ และให้กลุ่มผู้ค้าทองคำรายใหญ่รายงานข้อมูลการทำธุรกรรมซื้อขายทองคำโดยละเอียด อย่างไรก็ดี ผลต่อค่าเงินบาทจากธุรกรรมของบริษัททองคำยังคงสูงต่อเนื่อง
ทำไมต้องดูแลเฉพาะการซื้อขายทองบนแพลตฟอร์ม
วิทัย รัตนาการ ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยต่อว่า พฤติกรรมการซื้อขายทองคำในประเทศไทยเปลี่ยนไปสู่ระบบออนไลน์อย่างมาก โดยมีสัดส่วนการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 80% ของธุรกรรมทองคำทั้งหมด ขณะที่การซื้อขายผ่านหน้าร้านปกติ (เช่น ตู้แดง) มีสัดส่วนเพียง 15-20% เท่านั้น


