วันนี้ (14 ธันวาคม) ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) วานนี้ เห็นชอบแผนการบริหารจัดการวัคซีนโควิดภายในเดือนธันวาคม 2564 โดยจะให้มีบริการฉีดวัคซีนอย่างน้อยจำนวน 6.6 ล้านโดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 3.1 ล้านโดส เข็มที่ 2 จำนวน 2.3 ล้านโดส และเข็มที่ 3 จำนวน 1.2 ล้านโดส และจะดำเนินการแผนการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นตามแนวทางใหม่ตามคำแนะนำการฉีดวัคซีนโควิด เข็มกระตุ้นจากที่ประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ดังนี้
- ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในเดือนสิงหาคม-กันยายน 2564 สามารถเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นในเดือนธันวาคม 2564
- ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในเดือนกันยายน-ตุลาคม 2564 สามารถเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นในเดือนมกราคม 2565
- ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2564 สามารถเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2565
- ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2564 สามารถเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นในเดือนมีนาคม 2565
ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 และ 2 เป็น AstraZeneca สามารถรับวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็น Pfizer หรือ Moderna โดยเว้นระยะห่างตั้งแต่ 3-6 เดือนขึ้นไป หลังเข็มที่ 2 สำหรับประชาชนที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 และ 2 เป็น Pfizer หรือ Moderna สามารถรับวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็น Pfizer หรือ Moderna โดยเว้นระยะห่างตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
รวมถึงประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ เข็มที่ 1 Sinovac หรือ Sinopharm เข็มที่ 2 AstraZeneca สามารถรับวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็น AstraZeneca, Pfizer หรือ Moderna โดย ศบค. มีแผนการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพิ่มอย่างน้อย 23 ล้านโดสภายในเดือนมีนาคม 2565 เพื่อเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันแก่ประชาชน
ธนกรกล่าวต่อไปว่า ที่ประชุม ศบค. ยังเห็นชอบแผนการบริหารจัดการวัคซีนโควิดของประเทศไทยในปี 2565 โดยรัฐบาลตั้งเป้าจะจัดหาวัคซีนจำนวน 120 ล้านโดส จากบริษัทผู้ผลิตหลายบริษัทด้วยกัน เช่น AstraZeneca, Pfizer และวัคซีนชนิด Protein Subunit เพื่อให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนอย่างเพียงพอและครอบคลุมอย่างน้อยร้อยละ 80 ของประชากรทุกคนในประเทศไทย
สำหรับกลุ่มเป้าหมายอายุต่ำกว่า 12 ปี สามารถรับการฉีดวัคซีนตามความสมัครใจของเด็กและผู้ปกครอง ส่วนผู้ที่ยังไม่เคยรับการฉีดวัคซีน สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนแบบ Walk-in ได้ตามสถานพยาบาลหรือศูนย์บริการฉีดวัคซีนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ความร่วมมือในการป้องกันโควิดอย่างดี ทำให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น