ระยะห่างระหว่างดาวอังคารกับโลกของเราจะมาถึงจุดเหมาะสมในการส่งยานอวกาศเดินทางไปในทุก 26 เดือน ตามเส้นโค้งของวงโคจร Hohmann ซึ่งเป็นระยะทางที่สั้นที่สุด เพื่อให้ถึงจุดหมายได้เร็วและประหยัดพลังงาน
และในครึ่งหลังของเดือนกรกฎาคมปีนี้ ก็มียานอวกาศ 3 ลำ จาก 3 ประเทศ ที่จะคว้าโอกาสนี้ร่วมกัน เพราะหากพ้นเดือนนี้ไป ก็หมายความว่าจะต้องรอถึงกันยายน ปี 2022 จึงจะมีโอกาสเหมาะที่จะเดินทางไปดาวอังคารอีกครั้ง
ดาวอังคารเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่ประเทศต่างๆ ที่คิดว่าตนมีศักยภาพเพียงพอต่างมุ่งจะเดินทางไปสำรวจตั้งแต่ยุคสงครามเย็น ซึ่งในเวลานั้นก็มีเพียง 2 ประเทศมหาอำนาจ คือ สหรัฐอเมริกากับโซเวียต ที่ต่างทุ่มงบประมาณขับเคี่ยวกันอย่างไม่อั้น
การขับเคี่ยวสู่ดาวสีแดง ภารกิจไม่สิ้นสุดของนานาประเทศ
การแข่งขันเดินทางไปดาวอังคารเริ่มขึ้นโดยสหภาพโซเวียดในปี 1960 ตามมาด้วยสหรัฐฯ ในปี 1964 และก็เป็นสหรัฐอเมริกาที่สามารถส่งยาน ‘บินผ่าน’ ดาวอังคารได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคมปี 1965 นั่นคือยาน ‘มารีเนอร์ 4’ หลังจากนั้นทางโซเวียตก็แซงหน้าด้วยการทำสิ่งที่ยากกว่าการบินผ่านของสหรัฐฯ นั่นคือการส่งยาน ‘มาร์ส 2’ ไป ‘เข้าวงโคจร’ ของดาวอังคารในเดือนพฤศจิกายน ปี 1971
เพียงเดือนเดียวต่อมา ในเดือนธันวาคม ปี 1971 โซเวียตก็กลายเป็นประเทศแรกของโลกที่สามารถส่งยานไปทำขั้นตอนที่ยากที่สุดในการสำรวจดาวเคราะห์ นั่นคือ ‘ลงจอด’ บนดาวอังคาร โซเวียตทำสำเร็จด้วยยานแลนเดอร์ ‘มาร์ส 3’ (คาดว่ายานเกิดความเสียหายเนื่องจากขาดการติดต่อไปหลังลงจอดไม่ถึงนาที)
ทางด้านสหรัฐอเมริกานั้นต้องรอถึงเดือนกรกฎาคม ปี 1976 คืออีกเกือบ 5 ปี จึงสามารถลงจอดบนดาวอังคารได้สำเร็จด้วยยาน ‘ไวกิ้ง 1’ ในครั้งนี้สหรัฐฯ แม้จะถือว่าได้ลงจอดหลังโซเวียตหลายปี แต่ก็เป็นการลงจอดที่สมบูรณ์แบบชนิดยานไม่เสียหาย สหรัฐฯ จึงได้ชื่อว่าเป็นประเทศแรกที่สามารถส่งข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งภาพถ่ายทิวทัศน์บนพื้นผิวดาวอังคารกลับมาที่โลกได้สำเร็จ
หมดยุคสงครามเย็น สหภาพโซเวียตล่มสลายกลายเป็นรัสเซีย โลกก้าวเข้าสู่ยุคที่จำเป็นต้องประหยัดงบประมาณในการสำรวจอวกาศ การเดินทางไปเยือนดาวอังคารเว้นว่างไปถึง 13 ปี จนเข้าสู่ปลายทศวรรษ 80 การส่งยานเดินทางไปสำรวจดาวอังคารก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้รัสเซียกลับมาด้วยการพยายามส่งยานไปโคจรรอบดวงจันทร์โฟบอสของดาวอังคาร แต่ก็ไม่สำเร็จ ส่วนทางสหรัฐฯ ก็พยายามหาทางไปสำรวจดาวเคราะห์แดงวิธีที่มากไปกว่าแค่การส่งยานแลนเดอร์ไปลงจอดเฉยๆ
และในที่สุดค่ายอเมริกันก็สามารถเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการส่งยานโรเวอร์คือ Sojourner ไปวิ่งบนผิวดาวอังคาร (ปล่อยออกมาจากยานแลนเดอร์ Mars Pathfinder หลังลงจอด) ได้สำเร็จ ถือเป็นยานติดล้อลำแรกของโลกที่ไปวิ่งบนพื้นผิวดาวเคราะห์อื่น
ปล่อยให้ 2 มหาอำนาจทางอวกาศครองเส้นทางสู่ดาวอังคารอยู่หลายปี ในที่สุดก็มีประเทศที่ 3 ที่พยายามไปสำรวจดาวอังคารกับเขาด้วย นั่นคือประเทศญี่ปุ่น ด้วยการพยายามส่งยานไปเข้าสู่วงโคจรรอบดาวอังคารในปี 1998 แต่ภารกิจครั้งนั้นก็ประสบความล้มเหลว ยาน Nozomi ของญี่ปุ่นประสบปัญหาเชื้อเพลิงหมดก่อนจะเดินทางไปถึงเป้าหมาย องค์การอวกาศของญี่ปุ่นก็ไม่หวนกลับสู่การแข่งขันนี้อีกเลยนับแต่นั้น
ประเทศต่อมาที่เข้าสู่การแข่งขันในการเดินทางสู่ดาวอังคารก็คือ สหภาพยุโรป (ด้วยความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ) โดยได้ส่งยาน ‘มาร์ส เอ็กซเพลส’ เดินทางไปเข้าวงโคจรสำเร็จในปี 2004 ยานลำนี้ทุกวันนี้ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ แต่ยานแลนเดอร์ที่ส่งไปในภารกิจเดียวกันกลับล้มเหลว ไม่สามารถลงจอดบนผิวดาวอังคารได้ดังที่ตั้งความหวังเอาไว้
ประเทศที่ 5 ก็คือจีน โดยตั้งใจจะส่งยาน ‘Yinghuo (萤火)’ ในความหมายของ ‘หิ่งห้อย’ ไปเข้าสู่วงโคจรรอบดาวเคราะห์แดงร่วมกับยานโฟบอส-กรันท์ (Фобос-Грунт) ซึ่งเป็นภารกิจเก็บตัวอย่างจากดวงจันทร์โฟบอสของรัสเซีย จรวดออกเดินทางจากฐานปล่อยของศูนย์อวกาศไบโคนูร์ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2011 แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ทั้งยานของจีนและรัสเซียเดินทางไปไม่พ้นวงโคจรโลกด้วยซ้ำ
ในปีต่อมาคือปี 2012 สหรัฐอเมริกาซึ่งเวลานี้เป็นเพียงประเทศเดียวในโลกที่สามารถส่งยานโรเวอร์ไปวิ่งบนผิวดาวอังคาร ก็ได้ตอกย้ำความก้าวหน้าเหนือประเทศอื่นใดด้วยการส่งหุ่นยนต์โรเวอร์พลังนิวเคลียร์ ‘คิวริออซิตี้ (Curiosity)’ ขนาดเท่ารถเก๋งมีล้อหกล้อ พร้อมระบบ AI ห้องแล็บขนาดจิ๋วและแขนกล ไปวิ่งสำรวจผิวดาวอังคาร ซึ่งในนาทีนี้ยานลำนี้ก็ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ และได้กลายเป็นต้นแบบสำคัญของยานรุ่นน้องในเวลาต่อมา
ประเทศที่ 6 ที่ไปสำรวจดาวอังคารก็คือ อินเดีย ซึ่งได้ส่ง ‘มังคลายาน’ เข้าสู่วงโคจรสำเร็จในเดือนกันยายน ปี 2014 ผลงานครั้งนั้นทำให้อินเดียมีชื่อเสียงมาก เนื่องจากเป็นการส่งยานไปดาวอังคารครั้งแรกของประเทศแล้วก็ประสบความสำเร็จในทันที ซึ่งหากเทียบกับประเทศที่มีชื่อเสียงด้านนี้มายาวนานอย่างสหรัฐฯ และรัสเซีย ก็ยังทำไม่ได้ในครั้งแรก
เปิด 3 ภารกิจสู่ดาวอังคาร โอกาสทองในเดือนกรกฎาคม
และก็มาถึงเดือนนี้ เดือนกรกฎาคม ปี 2020 เดือนที่เหมาะสมในการเดินทางสู่ดาวอังคารอีกครั้ง อันที่จริงแล้วในตอนแรกจะมีถึง 4 ประเทศที่มีกำหนดการส่งยานอวกาศออกจากโลกในเดือนนี้ แต่โครงการ Exomars ของยุโรปมีอันต้องเลื่อนไป เนื่องจากความไม่พร้อมในการทดสอบยานจากการระบาดของโรคโควิด-19 สุดท้ายจึงเหลือเพียง 3 ประเทศเท่านั้นที่ยังอยู่ในเกม
และผู้แข่งหน้าใหม่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก็ได้ประกาศตัวเป็นประเทศที่ 7 ที่พร้อมจะเข้าสู่เส้นทางพิชิตดาวอังคาร โดยยานโคจรที่มีชื่อเรียกว่า ‘Hope (مسبار الأمل หรือ Al Amal)’ ในชื่อภารกิจว่า Emirates Mars Mission ยานมีกำหนดออกจากโลกในช่วงวันที่ 20-22 กรกฎาคม ตามเวลาประเทศไทย เมื่อสภาพอากาศอำนวย ด้วยจรวด H-IIA จากฐานปล่อยโยชิโนบุในศูนย์อวกาศทาเนกาจิมะทางใต้ของญี่ปุ่น และจะเดินทางไปถึงดาวอังคารในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ซึ่งก็จะทันเวลาการฉลองครบรอบ 50 ปีของการก่อตั้งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์พอดี
สามารถติดตามความคืบหน้าได้จากเว็บไซต์นี้ https://www.thenational.ae/uae/science/uae-mars-mission-here-s-what-launch-day-will-look-like-1.1043174
แน่นอนว่าจีนไม่อาจอยู่เฉยที่จะตามหลังสหรัฐฯ และรัสเซีย หรือแม้แต่อินเดียอีกต่อไป และหากยาน Hope ของทางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เข้าสู่วงโคจรดาวอังคารสำเร็จอีกลำ ประเทศจีนคงถูกทิ้งห่างไปอีกไกล ทางองค์การอวกาศ CNSA ของจีน ซึ่งได้แอบซุ่มพัฒนายานอวกาศของตนเองอยู่หลายปี ก็ได้ประกาศในเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า ในเดือนกรกฎาคมนี้จีนพร้อมจะส่งยาน ‘Tianwen (天問)’ ที่มีความหมายถึงคำถามต่อสรวงสวรรค์ บทกวีอันโด่งดังของ ชวีหยวน ขุนนางผู้ภักดีแห่งรัฐฉู่ในยุคจ้านกว๋อ เดินทางไปดาวอังคารชนิดเต็มรูปแบบ นั่นคือไม่เพียงแค่การนำยานเข้าสู่วงโคจรเท่านั้น แต่จะมีการส่งยานแลนเดอร์ไปลงจอด และหากลงจอดสำเร็จ ก็จะมีการปล่อยยานโรเวอร์ 6 ล้อขนาดเล็ก ออกมาวิ่งบนผิวดาวอังคารด้วย เรียกว่าถ้าทำสำเร็จครบถ้วนทุกขั้นตอน ประเทศจีนก็จะแซงหน้าทุกประเทศก่อนหน้านี้ไปเคียงข้างสหรัฐฯ ทันที ในฐานะประเทศที่ 2 ของโลกที่สามารถส่งยานโรเวอร์ไปวิ่งบนผิวดาวอังคารได้
จากที่เคยต้องอาศัยเทคโนโลยีทางอวกาศของรัสเซีย มาครั้งนี้จีนจะยืนด้วยลำแข้งตัวเอง ยาน Tianwen จะออกจากโลกด้วยจรวดพลังขับดันสูง Long March 5 ที่ทางจีนพัฒนาขึ้น จากฐานปล่อยในศูนย์อวกาศเหวินฉาง บนเกาะไห่หนาน (เกาะไหหลำ) ทางใต้ของจีนใกล้เวียดนาม ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งระหว่างวันที่ 20-25 กรกฎาคม แล้วแต่สภาพอากาศอำนวย
มาถึงประเทศสุดท้ายที่จะคว้าโอกาสสำคัญในเดือนแห่งการเดินทางไปสู่ดาวอังคารนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือเจ้าเก่าพี่เบิ้มแห่งวงการ สหรัฐอเมริกานั่นเอง รอบนี้จะเป็นการส่งหุ่นยนต์โรเวอร์พลังนิวเคลียร์ Perseverance ขึ้นไปวิ่งเก็บตัวอย่างดินหินบนดาวเคราะห์แดงอีกรอบ เพื่อค้นหาร่องรอยของจุลชีพโบราณ โรเวอร์ขนาดเท่ารถเก๋งนี้เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อยอดมาจากคิวริออซิตี้ที่เคยประสบความสําเร็จไปแล้ว
และรอบนี้สหรัฐฯ จะทำสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน คือหลังการลงแตะพื้นแล้ว ยาน Perseverance จะปล่อยเฮลิคอปเตอร์ขนาดจิ๋วออกมาบินในบรรยากาศอันเบาบางของดาวอังคารด้วย ซึ่งหากทำสำเร็จ สหรัฐฯ จะกลายเป็นประเทศแรกของโลกที่สามารถส่งยานบินที่พยุงตัวด้วยอากาศไปบินบนดาวเคราะห์อื่น ไม่ต่างจากวันแรกที่พี่น้องตระกูลไรท์พาเครื่องบินบินขึ้นฟ้า
ยาน Perseverance มีกำหนดออกจากโลกวันที่ 30 กรกฎาคม ด้วยจรวด Atlas V-541 ของ ULA จากฐานปล่อยจรวดในแหลมคานาเวอรัล รัฐฟลอริดา สหรัฐฯ มีกำหนดเดินทางถึงดาวอังคารในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าเช่นเดียวกับยานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และจีน
ซึ่งก็ต้องมาลุ้นกันต่อไปว่ายานทั้ง 3 ลำ จาก 3 ประเทศ จะสำเร็จลุล่วงทุกภารกิจตามที่ตั้งความหวังเอาไว้หรือไม่ ในเดือนสำคัญแห่งการส่งยานไปเยือนดาวอังคารนี้
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
ในกรณีที่มีการเลื่อนส่งยานจากสภาพอากาศไม่เหมาะสม ช่วงเวลาสุดท้ายที่เป็นไปได้ต้องไปเกิน 15 สิงหาคม เนื่องจากยานจะเริ่มเปลืองเชื้อเพลิงที่จากระยะทางของโลกและดาวอังคารที่แยกห่างออกไปเรื่อยๆ ซึ่งหากเชื้อเพลิงเหลือไม่มากพอ ยานจะไม่อาจถึงเป้าหมาย หรือหากไปถึง ก็ไม่สามารถเข้าวงโคจรของดาวอังคารได้ เนื่องจากต้องใช้เชื้อเพลิงอีกส่วนในการติดเครื่องยนต์ชะลอความเร็ว จนแรงโน้มถ่วงของดาวอังคารสามารถจับยานไว้ได้