หลังจากก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นไทยเคยมีกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่เน้นการลงทุนระยะยาวในหุ้น เพื่อส่งเสริมให้เกิดเสถียรภาพในระบบตลาดทุนไทย ซึ่งเงินลงทุนใน LTF สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีทั้งปี และไม่เกิน 500,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่าต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 7 ปีปฏิทิน
แต่กองทุน LTF ได้สิ้นสุดมาตรการสิทธิลดหย่อนภาษีเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2562 แม้รัฐบาลจะมีกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) มาแทน โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมาทดแทน ซึ่งเงื่อนไขที่ออกมาอาจไม่ได้จูงใจให้ลงทุนมากเท่ากองทุน LTF
ขณะที่ล่าสุดความพยายามร่วมกันทำงานระหว่างสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO), เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมถึงรัฐบาล จนในที่สุดเกิดกองใหม่ในชื่อ ‘กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน’ หรือ Thailand ESG Fund (Thai ESG)
โดยเป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในทรัพย์สินด้านความยั่งยืน สนับสนุนให้ผู้ลงทุนมีโอกาสเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่ส่งเสริมความยั่งยืนของประเทศไทย ส่งเสริมให้เกิดการออมระยะยาวผ่านกองทุนรวม และได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในอัตราไม่เกิน 30% ของเงินได้ หรือสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งกำหนดเงื่อนไขว่าจะต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 8 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน
สำหรับกองทุน Thai ESG เริ่มเปิดขายวันแรกตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา พร้อมกัน รวมจำนวน 22 กองทุน จากบริษัทจัดการลงทุน (บลจ.) จำนวน 16 บริษัท
ภาพประกอบ: พุทธิพงศ์ โรจน์ศตพงค์