×

ปี 2024 ปีที่โลกร้อนที่สุด

โดย Mr.Vop
17.12.2024
  • LOADING...

แม้จะยังไม่หมดปี แต่ตัวเลขอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในปี 2024 ก็ทำลายสถิติเดิมทั้งหมดแล้ว

 

ยุคโลกเดือดมาถึงเราแล้ว

 

และยังเป็นปีแรกที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกค้างเติ่งอยู่เหนือเส้น 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็น​หมุดหมายสำคัญ​ด้าน​โลก​ร้อน​ที่นานาชาติ​ให้คำมั่นสัญญา​กันไว้ในข้อตกลง​ปารีส​อีกด้วย

 

“ยุคโลกเดือดมาถึงเราแล้ว” อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ​กล่าวไว้เมื่อปีกลาย และในปีนี้คำพูดคำนี้ก็วนเวียนตอกย้ำให้เราทั้งหลาย​เห็นว่ามันจริง

 

ข้อมูลจากระบบ ERA5

 

ข้อมูลจากระบบ ERA5 ของโครงการบริการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโคเปอร์นิคัส (Copernicus Climate Change Service) ระบุถึงอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกวงรอบ 12 เดือนคือ นับจากเดือนตุลาคม 2023 – เดือนกันยายน 2024 มีค่าสูงถึง 1.62 องศาเซลเซียส ซึ่งอยู่เหนือกว่าเส้น 1.5 องศาเซลเซียส ตามข้อตกลงปารีสไปมากจนน่าตกใจ นอกจากนี้​อุณหภูมิผิวน้ำทะเล 6 เดือนแรกของปี 2024 ยังสูงกว่าปีที่แล้วซึ่งเคยเป็นปีที่ทำสถิติสูงสุดมาแล้ว​ตามแผนภูมิ​ด้านล่าง​

 

ผิวน้ำทะเลอุณหภูมิสูง

 

ผิวน้ำทะเลอุณหภูมิสูงกลุ่มนี้ยังย้ายข้ามจากฝั่งตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกไปสู่ฝั่งตะวันตก ตามความเปลี่ยนแปลงจากเอลนีโญมาสู่ลานีญาของปีนี้ และนี่อาจเป็นสาเหตุ​หลักที่ก่อให้เกิด​ไต้ฝุ่น​มากถึง 4 ลูกในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นเรื่อง​ที่ไม่เคยเกิดมาก่อนในบันทึกของ WMO

 

โซเนีย เซเนวิรัตเน

 

โซเนีย เซเนวิรัตเน นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศจากมหาวิทยาลัยวิจัย ETH Zurich เผยว่า “ไม่รู้สึกแปลกใจ” กับการทำลายสถิติใหม่ของอุณหภูมิ​โลก​ในครั้งนี้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐภาคี COP29 จัดทำข้อตกลงเพิ่มความพยายามให้มากยิ่งขึ้นในการลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

 

แต่ก็เหมือนที่เราทราบกัน ผลการประชุม COP29 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน ออกมาในเชิงที่ไม่เป็นผลดีกับสภาวะโลกที่กำลังเดินหน้าสู่วิกฤตสักเท่าไร โดยการประชุมรอบนี้เน้นหนักไปที่การขอเงินชดเชยจากประเทศพัฒนาแล้วที่เป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ไปให้กับประเทศกำลังพัฒนาโดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่เป็นเกาะปะการัง ที่จะประสบปัญหาน้ำทะเลท่วมจนอยู่อาศัยไม่ได้ในอนาคต เช่น

มัลดีฟส์, หมู่เกาะมาร์แชลล์, ​คิริบาส และ​ตูวาลู

 

เกิน 1.5 องศาเซลเซียส​แล้วโลกจะไปทางไหน

 

ข้อตกลงปารีสหรือการประชุมโลกร้อน COP21 เมื่อปี 2015 ที่กรุงปารีสนั้น ที่จริงแล้วกำหนดตัวเลขออกมา 2 ชุดคือ 2.0 องศาเซลเซียส และ 1.5 องศาเซลเซียส โดยตัวเลขแรกคือ 2.0 องศาเซลเซียสนั้นสำคัญที่สุด เพราะมันคือ ‘จุดไม่หวนกลับ’ ซึ่งหมายถึงหากปล่อยให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกข้ามผ่านจุดนั้นไป สถานการณ์หลังจากนั้นก็จะดำเนินไปของมันเอง โดยไม่ว่าอย่างไรมนุษย์ก็จะเข้าไปแก้ไขไม่ได้อีกแล้ว ที่ประชุมจึงตกลงตัวเลข 1.5 องศาเซลเซียสขึ้นมาอีกตัวเพื่อ ‘ความพยายาม’ ของรัฐภาคีที่ร่วมลงนามเอาไว้ที่จะช่วยกันรักษาให้ได้เป็นด่านแรก แต่ตัวเลขนี้ไม่ใช่ตัวเลขที่กำหนดขึ้นมาลอยๆ เพราะมีการวิจัยไว้แล้วว่าหลังโลกร้อนจนแตะหรือผ่านตัวเลขนี้ไปจะเกิดสภาพอากาศสุดขั้ว ทั้งเวลาและสถานที่ รวมทั้งความรุนแรงในแบบที่ไม่เคยพบมาก่อน ซึ่งในปี 2024 ก็มีภัยพิบัติจากสภาพอากาศสุดขั้วปรากฏให้เห็นหลายเวลาและหลายสถานที่ตามที่ปรากฏเป็นข่าว เป็นการเตือนเหล่ามนุษย์บนโลกโดยตรงจากธรรมชาติว่าทั้งหมดคือเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องที่นักวิทยาศาสตร์จินตนาการขึ้นมาเอง

 

แต่นับว่ายังดีที่การประชุม COP29 ได้ข้อกำหนดว่ารัฐภาคีต้องจัดทำข้อตกลง ‘การมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด’ (Nationally Determined Contributions: NDCs) ฉบับใหม่ขึ้นในปีหน้าหรือปี 2025 ถือเป็นข้อกำหนด NDC 3.0 ที่ตั้งเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้ภายในปี 2035 โดยยังคงใช้ตัวเลขเป้าหมายเดิมจากข้อตกลงปารีส นั่นคือกลับไปที่การควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ ‘ท้าทายมากยิ่งขึ้น’ สำหรับรัฐภาคีที่จะต้องลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ลดการปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ ท่ามกลางความปั่นป่วนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังเกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน

 

อ้างอิง:

 

 

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X