ในแวดวงแฟชั่นชั้นสูงและความงามระดับโลก แบรนด์ Dior ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีความผูกพันแน่นแฟ้นและมีความรักในงานศิลปะหลากหลายแขนง THE STANDARD POP จัดเป็นครั้งแรก จึงอยากพาทุกคนไปสำรวจ 2 งานนิทรรศการสุดเจ๋งที่เกิดขึ้นพร้อมกันในเดือนกรกฎาคม ได้แก่ งาน La Colle Noire Dior Award และงาน Dior Photography and Visual Arts Award for Young Talents ครั้งที่ 4 ประจำปี 2021 ซึ่งเพิ่งมีการประกาศผลรางวัลชนะเลิศไปเป็นที่เรียบร้อย
เริ่มต้นกันที่ Dior Photography and Visual Arts Award for Young Talents ครั้งที่ 4 ประจำปี 2021 งานนี้แบรนด์ Dior ร่วมมือกับ Luma Arles และโรงเรียนศิลปะการถ่ายภาพ École Nationale Supérieure de la Photographie in Arles (Ensp) มีการประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัล Dior Photography and Visual Arts Award for Young Talents เป็นปีที่ 4 ได้แก่ เซดรีน เชดิก จากโรงเรียนศิลปะการถ่ายภาพ École Nationale Supérieure de la Photographie in Arles
โดยมีช่างภาพนอร์วีเจียนชื่อดัง ตอร์บิญอร์น โรดแลนด์ เป็นประธานคณะกรรมการตัดสิน และยังประกอบไปด้วยเหล่าช่างภาพระดับเทพอย่าง เหลียวปี้ฉี (ช่างภาพชาวจีน), โกโก กาปิตัน (ช่างภาพสเปน) และ ไทเลอร์ มิตเชล (ช่างภาพชาวอเมริกัน) รวมถึง มาญา ฮอฟฟ์มานน์ (ผู้ก่อตั้งและประธานของ Luma Arles), ไซมอน เบเกอร์ (ผู้อำนวยการ The Maison Européenne de la Photographie) และ เธโรม ปูลิส (ผู้อำนวยการแผนกสื่อสาร ประชาสัมพันธ์สากล ของ Christian Dior Parfums) ที่ได้ร่วมกันพิจารณามอบรางวัลให้แก่ภาพชุด ‘It is a Blessing to be the Color of Earth’ (คือพรจากสวรรค์ที่มีสีสันบนโลกนี้)
https://www.youtube.com/watch?v=aT-TzOayTBA
โดยผลงานของ เซดรีน เชดิก ช่างภาพสาวชาวฝรั่งเศสผู้มีรกรากจากแคริบเบียน ผลงานของเธอแสดงออกถึง ‘การหลอมรวมความหลากหลายของสถานที่, วัฒนธรรม และขั้วต่างทางความสัมพันธ์ระหว่างโลกกับประวัติศาสตร์’ ซึ่ง เซดรีน เชดิก จะได้รับเงินจำนวนถึง 10,000 ยูโร จาก House of Dior ซึ่งเป็นทั้งเงินรางวัลและค่าตอบแทนผลงานความคิดสร้างสรรค์ของเธอ ส่วนภาพถ่ายผลงานของเธอรวมถึงผลงานอื่นๆ ของผู้เข้ารอบการตัดสินทั้ง 12 คน ตลอดจนผลงานที่ได้รับเกียรติแนะนำจาก มิสซิสทีน เดอ เธ กรรมการผู้ตัดสินจากสถาบันวิจิตรศิลป์ปารีส (École Nationale Supérieure des Beaux-Arts de Paris) จะถูกนำมาจัดแสดงนิทรรศการในบริเวณห้องโถง Parc des Ateliers ที่แกลเลอรี Luma Arles ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม – 26 กันยายน 2021
ต่อมาเราจะพาไปสำรวจนิทรรศการ La Colle Noire Dior Award ซึ่งแรงบันดาลใจมาจากการที่ House of Dior ผูกพันและหลงใหลในวงการศิลปะมาตลอด จึงลงมือร่วมงานเชิงสร้างสรรค์กับสถาบันวิจิตรศิลป์ École Nationale Supérieure des Beaux-Arts de Paris จัดวาระการศึกษาใหม่ถูกกำหนดขึ้นภายใต้ชื่อภาควิชาว่า ‘Inhabiting the Landscape-Where Art Meets the Living World’ หรือ ‘ศิลปะการยังชีพในภูมิทัศน์ อันเป็นจุดบรรจบระหว่างศิลปะกับโลกของสิ่งมีชีวิต’ ได้เริ่มต้นเปิดภาคเรียนขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2020 ภายใต้การสนับสนุนของ Christian Dior Parfums และดูแลการดำเนินงานโดย ฌ็อง เดอ ลัวซี ผู้อำนวยการของสถาบันวิจิตรศิลป์แห่งปารีส ซึ่งประเด็นที่ตั้งขึ้นมาเพื่อจะเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา ผู้มีความสนใจได้เข้าร่วมหลักสูตรเพื่อแสดงมุมมองและพรสวรรค์ ฝึกปรือความสามารถของตนผ่านการสรรค์สร้างผลงานศิลปะอันมีโยงใยสู่ธรรมชาติและโลกของสรรพชีวิต ที่สำคัญหัวข้อการเรียนรู้ประเด็นนี้ยังได้รับความร่วมมือจาก เอสแต็ลล์ ฉง ม็องกูเอล ศาสตราจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลป์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านความเกี่ยวข้องระหว่างศิลปะกับสิ่งแวดล้อมด้วย
จากไอเดียดังกล่าวที่นำไปสู่การดำเนินงานสุดครีเอตแห่งปีที่เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ มีจำนวน 11 ผลงาน ซึ่งถูกส่งเข้ามาให้พิจารณา คณะกรรมการผู้ตัดสินระดับสากลได้เลือก คลาริสส์ แอ็ง เป็นผู้ชนะรางวัล La Colle Noire Dior Award คนแรกจากโครงการของเธอในชื่อ ‘Résonance’ โดยรางวัลครั้งนี้เปิดโอกาสให้เธอได้ติดตั้งจัดแสดงผลงานอยู่ภายในเขตสวนของคฤหาสน์สไตล์โพรวองซ์ อันเป็นบ้านพักหลังสุดท้ายของ คริสเตียน ดิออร์ ระหว่างเดือนตุลาคม 2020 – กุมภาพันธ์ 2021
การสานต่อวาระการศึกษาใหม่ในประเด็น ‘ศิลปะการยังชีพในภูมิทัศน์ อันเป็นจุดบรรจบระหว่างศิลปะกับโลกของสิ่งมีชีวิต’ มีนักศึกษาในระดับปี 3, 4 และ 5 ได้รับโจทย์ให้คิดแผนการสร้างผลงานถาวรสำหรับจัดวางในเขตพื้นที่ของคฤหาสน์ลา ก็อลล์ นัวร์ หรือชาโต เดอ ลา ก็อลล์ นัวร์ (Château de la Colle Noire) และในการพัฒนาโครงการระดับมืออาชีพ โดยอาศัยมุมมองศิลปะเพื่อสะท้อนถึงสิ่งแวดล้อมโลกครั้งนี้ การยื่นหัวข้อของนักศึกษาจะต้องประกอบไปด้วย แบบจำลอง, เอกสารรายละเอียด และการนำเสนอแบบอธิบายปากเปล่า ในที่สุดก็มีการคัดเลือกมาได้ 11 ผงาน จากทั้งหมด 40 โครงการ และนักศึกษาเจ้าของผลงานที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับโอกาสพูดคุยกับหัวหน้าแผนกสวนรุกขชาติในเขตอสังหาริมทรัพย์แห่งนี้ด้วย ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง
กระทั่งวันที่ 6-16 พฤษภาคมที่ผ่านมา จากจำนวน 11 ผลงาน ซึ่งได้รับการคัดเลือกโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิระดับสากลมากมาย (อาทิ ศิลปินกุยเซ็ปเป เปโนเน เป็นประธาน อันประกอบไปด้วย กลอเรีย ฟรายด์มานน์ ศิลปินผู้เชี่ยวชาญ, ฌ็อง เดอ ลัวซี ผู้อำนวยการสถาบันวิจิตรศิลป์แห่งปารีส, เคียรา ปาริซี ผู้อำนวยการศูนย์ศิลปะปองปิดู-เม็ตซ์, เฌโรม ปูลิส ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารประชาสัมพันธ์สากลของ Christian Dior Parfums, สถาปนิกภูมิทัศน์ บาส สเม็ตซ์ และ ศาสตราจารย์เอสแต็ลล์ ฉง ม็องกูอาล) ก็ได้คัดกรองผลงานจากนักศึกษา 3 คน ได้แก่ คลาริสส์ แอ็ง, อารธูร กูเอสแป็ง และ มาธิลด์ มอรี ซิเมโอนี โดยนักศึกษาแต่ละคนจะได้รับเงินเป็นจำนวน 2,500 ยูโร เพื่อนำไปพัฒนาผลงานตามโครงการของตนในรูปแบบของภาพร่างแสดงรายละเอียดครบถ้วน จากนั้นภาพร่างแบบทั้งสามจะถูกนำไปพิจารณากันอีกครั้งโดยคณะกรรมการ ซึ่งตัดสินให้ คลาริสส์ แอ็ง เป็นผู้ชนะ ศิลปินสาวได้รับค่าธรรมเนียมลิขสิทธิ์ผลงานเป็นจำนวนถึง 10,000 ยูโร และได้รับเงินอีก 50,000 ยูโรสำหรับใช้ผลิตผลงานจริงตามแบบร่าง เพื่อนำไปติดตั้ง จัดวางไว้ในพื้นที่เขตคฤหาสน์ลา ก็อลล์ นัวร์ ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2021
ต่อไปนี้คือภาพผลงานของ คลาริสส์ แอ็ง ผู้ชนะรางวัล The La Colle Noire Dior Award โดยเธอเผยความในใจว่า “ฉันต้องการให้ผลการทำงานของฉันเปิดหนทางความเป็นไปได้ให้ผู้คนทั้งหลายได้สัมผัสและเข้าถึงระดับการตระหนักรู้ว่า มีบางสิ่งบางอย่างซึ่งยิ่งใหญ่กว่าเรา ฉันไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองต้องนอบน้อมถ่อมตนได้เท่านี้ เวลาที่ได้เห็นความยิ่งยงของธรรมชาติ”