×

20 กุมภาพันธ์ 2545 ครบรอบ 17 ปี วันที่ โจ้-อัมรินทร์ เหลืองบริบูรณ์ กดปุ่ม ‘Pause’ ชีวิตให้เป็นนิรันดร์

20.02.2019
  • LOADING...

ย้อนกลับไปเมื่อ 17 ปีก่อน นับว่าเป็นยุคทองของ Pause วงดนตรีชื่อแปลกที่มีความหมายว่า ‘หยุด’ แต่สำหรับอนาคตบนเส้นทางดนตรีของพวกเขากำลังสดใส จากผลงาน 4 อัลบั้ม (รวมอัลบั้มพิเศษ) ที่มีเพลงอย่าง ที่ว่าง, ข้อความ, ความลับ, รักเธอทั้งหมดของหัวใจ, ยื้อ, กอดหมอน, อีกครั้ง ฯลฯ กลายเป็นเพลงฮิตที่นักฟังเพลงร้องตามได้ทุกคน แต่สิ่งที่เป็นมากไปกว่าเพลงฮิตสำหรับวงการเพลงไทย คือเสียงร้องยอดเยี่ยม เป็นเอกลักษณ์ของนักร้องนำผู้เป็นหัวใจสำคัญของวงอย่าง โจ้-อัมรินทร์ เหลืองบริบูรณ์  

 

ไม่มีใครคาดคิดว่าอนาคตที่สดใสของวงดนตรีระดับปรากฏการณ์จากค่ายเบเกอรี่ มิวสิค จะต้องหยุดลงแต่เพียงเท่านั้น เมื่อมีคนพบร่างไร้วิญญาณ โจ้-อัมรินทร์ เหลืองบริบูรณ์ ภายในลิฟต์ของอาคารที่พักแห่งหนึ่งย่านพระโขนง จากหลักฐานโดยรอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปสำนวนว่า นักร้องนำของวง Pause จะตัดสินใจกดปุ่ม ‘หยุด’ ชีวิตด้วยตัวเอง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่การหยุดชั่วคราว แต่หมายถึงการกดปุ่ม ‘Stop’ ที่ตัวเขาจะไม่สามารถกลับมาร้องเพลงเพื่อสร้างความสุขให้กับแฟนๆ ได้อีกต่อไป

 

ในเรื่องสาเหตุของการเสียชีวิตยังคงเป็น ‘ความลับ’ ที่หลายคนได้แต่สงสัย แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนน่าจะเห็นพ้องต้องกันคือ ความรักต่อนักร้องตัวเล็ก ผมยาวฟู เสียงกังวานเศร้า ที่จะยังคงมีอยู่ต่อไปไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรก็ตาม

 

 

วงการดนตรีไทยได้มีโอกาสรู้จักชื่อของโจ้ครั้งแรกอย่างเป็นทางการ จากการขึ้นไปโชว์พลังเสียงแหลมสูงทรงพลังหาตัวจับยากในเพลง อย่าหยุดยั้ง ของวง The Olarn Project และเพลง Carrie ของ Europe วงดนตรีแนวฮาร์ดร็อกจากสวีเดน ที่ทำให้เขาคว้ารางวัลชนะเลิศจากงาน Coke Music Awards ในปี 2536 และจากจุดนั้นเองที่ทำให้เขาได้พบกับ นอ-นรเทพ มาแสง (เบส), เอ-พลกฤษณ์ วิริยานุภาพ (กีตาร์) และบอส-นิรุจ เดชบุญ (กลอง) ก่อนที่ทั้งหมดจะรวมตัวกันกดปุ่ม Pause ให้วงการดนตรีคึกคักขึ้นมาอีกครั้งในปี 2539 กับอัลบั้ม (Push Me) Again ภายใต้สังกัดเบเกอรี่ มิวสิค

 

หลังจากนั้นเส้นทางของพวกเขาก็พุ่งสูงอย่างที่ทุกคนรู้จักกันดี ผ่านผลงานอีก 3 อัลบั้ม ภายในช่วงระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่อัลบั้มที่สอง Evo. & Nova (2541) และ Mild (2542) อัลบั้มที่สามที่ประสบความสำเร็จสูงสุดจากเพลง ดาว, ข้อความ, สัมพันธ์, ความลับ, เปล่า, บางสิ่ง, กอดหมอน, จะรักเธอคนเดียว ฯลฯ และอัลบั้มพิเศษรวมเพลงฮิต Rewind ในปี 2543

 

 

ถึงแม้ว่าหลายคนจะจดจำและประทับใจกับเสียงร้องหวานเศร้าในเพลงช้าๆ ซึ้งๆ อย่าง ที่ว่าง, รักเธอทั้งหมดของหัวใจ ฯลฯ แต่จริงๆ แล้ว DNA หลักอีกหนึ่งอย่างของโจ้และวง Pause คือเพลงร็อกที่พูดถึงปัญหาทางสังคมได้อย่างชาญฉลาดและคมคาย ทักษะทางดนตรีแน่นๆ และเสียงร้องแหลมทรงพลังของโจ้เป็นส่วนผสมที่ลงตัว โดยเฉพาะเพลง หมา (นิทานหมาหางกุด) ที่เรายกให้เป็นหนึ่งในเพลงร็อกที่ดีที่สุดมาจนถึงตอนนี้

 

นอกจากเพลงร็อกหนักๆ และเพลงรักร่วมสมัยหวานหู โจ้ยังหลงใหลในความไพเราะของบทเพลงยุคก่อนหน้า ถึงขนาดเคยออกอัลบั้มเดี่ยว Simply Me ที่รวมเอาเพลงเก่าที่เขาชื่นชอบอย่าง น้ำตาแสงใต้, เดือนเพ็ญ, ใจบางบาง, รักเองช้ำเอง, ดึกแล้ว ฯลฯ มาขับร้องใหม่ในสไตล์ของเขา ที่เต็มไปด้วยความกินใจ ซาบซึ้ง และตราตรึง โดยเฉพาะเพลง เหมันต์ที่ผ่านพ้นไป ของ สุชาติ ชวางกูร ที่เศร้าอยู่แล้ว ให้กลายเป็นฤดูหนาวที่เศร้าจับใจขึ้นไปอีก

 

แต่น่าเสียดายที่เมื่อสิ้นสุดอัลบั้มนี้ เราก็ไม่มีโอกาสได้ฟังผลงานใหม่ๆ จากเสียงร้องที่ไม่อาจมีใครมาแทนได้อีกต่อไป พร้อมกับที่สมาชิกคนอื่นๆ ตัดสินใจกดปุ่ม Pause ความเคลื่อนไหวของวงเอาไว้ และแยกย้ายกันออกเดินทางบนเส้นทางดนตรีของแต่ละคน

 

หลังจากนั้นไม่นาน ธีร์ ไชยเดช โปรดิวเซอร์และหนึ่งในคนท่ีมีโอกาสใกล้ชิดกับโจ้มากที่สุด ได้แต่งเพลง 20202 เพื่อรำลึกถึงวันที่แห่งความเศร้าเมื่อโจ้จากไป เป็นบทเพลงที่แสนสงบ สวยงาม โดยมีท่อนหนึ่งพูดถึงห้วงชีวิตอันแสนสั้นของนักร้องผู้ไม่เคยคิดทำร้ายใครไว้ว่า

 

ใจโดนดั่งคลื่นซัด แล้วพัดไปไกลสุดตา ใจโดนดั่งลมพัด แล้วพัดไปไกลสุดฟ้า…ไม่หวนคืนมา

 

นับจากวันนั้น เวลาก็ค่อยๆ เลื่อนไหลผ่านไปโดยไม่มีสิ่งใดหวนคืนมาเช่นเดียวกับเนื้อเพลงที่ ธีร์ ไชยเดช ร้องเอาไว้ กระทั่งวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2559 สมาชิก 3 คนที่เหลือได้ทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะมีโอกาสอีกครั้ง ด้วยการนำ ‘เสียง’ ของโจ้ในบทเพลงสุดท้ายที่บันทึกเอาไว้แต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ มาเรียบเรียงใหม่จนกลายเป็นเพลง รักอยู่รอบกาย

 

ที่เหมือนเป็นการส่งข้อความบอกทุกคนว่า โจ้ไม่ได้หายไปไหน แท้จริงแล้วโจ้คือความรักที่อยู่รอบกายและยังคงโอบกอดทุกคนเอาไว้ตลอดเวลา ดังเช่นที่เสียงของเขายังคงร้องให้ฟังอยู่ซ้ำๆ ในเพลงนี้ว่า

 

หากคำว่ารักคือคำที่แทนทุกสิ่งได้จริงอย่างที่มีความหมาย รักเอยเจ้าอยู่แห่งใด รักเอยเจ้าอยู่รอบกาย ขอจงโอบกอดเราไว้’  

 

หลังจากนั้นพวกเขาก็กดปุ่ม Pause ให้บทเพลงของพวกเขาได้ขับขานอีกครั้ง โดยมี เฟ้นท์-ประภาพ ตันเจริญ มารับหน้าที่นักร้องนำคนใหม่ ที่ต้องใช้เวลาอยู่สักพักกับการพิสูจน์ตัวเองจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในฐานะคนที่เข้ามาเป็นตัวแทนของ ‘คน’ ที่ไม่อาจมีใครเข้ามาแทน

 

คนภายนอกจะคิดอย่างไรเราคงไม่อาจทราบได้ แต่สิ่งที่นอได้พูดถึงความในใจในวาระครบรอบ 17 ปีที่โจ้จากไป ก็ทำให้เรามั่นใจได้ว่าสมาชิกทุกคนของวง Pause ไม่เคยคิดแบบนั้น

 

 

“17 ปีแล้วเหรอวะ คือแม่งถ้ามีลูกวันนั้น ป่านนี้คงโตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว กูเหมือนเดิมนะ ก็แก่ลงตามวัย นอกนั้นสบายดี เอกับบอสก็สบายดี คิดถึงมึงตลอด ไม่เคยลืมนะ บางวันก็ฝันว่ามึงยังอยู่ มึงเสือกโผล่มาจากไหนไม่รู้ ดีใจแทบตาย ตื่นมาก็ เออ มันจะเป็นไปได้ไงวะ ฮ่าๆๆ วงเราก็ดี ไปได้เรื่อยๆ เฟ้นท์มันก็ดีขึ้นทุกวัน กูพูดถึงมึงทุกเวทีเวลาแนะนำวง ว่าขอเสียงให้มึงด้วย มึงไม่ได้ลาออก ไม่ได้ถูกไล่ออกจากวง แต่มึงมาร้องเพลงไม่ได้ เฟ้นท์มาร้องแทน และมึงยังอยู่กับเรา มึงยังอยู่วง”

 

อย่างที่บอกว่าโจ้ไม่ได้จากพวกเราไปไหน เขาเพียงแค่แปลงกายเป็นความรักและยังอยู่กับวง Pause และแฟนๆ เหมือนเดิม อย่างน้อยที่สุดก็ในทุกๆ บทเพลง ทุกๆ ตัวโน้ตที่จะยังอยู่ขับกล่อมและสร้างความสุขให้กับคนฟังต่อไปตราบนานเท่านาน

 

เพลง 20202

 

เพลง รักอยู่รอบกาย

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising